จริงๆ เรื่องที่จะเขียนอาจจะไม่เกี่ยวกับหัวเรื่องเท่าไหร่ แต่พอดีคำนี้มันแล่นเข้ามาในหัว (เผื่อใครไม่รู้จักเพจ “อยู่เมืองดัดจริต ชีวิตต้องป็อป” ก็ลองไปเยี่ยมเยียนได้)
สำหรับตัวผมเอง ก็คงต้องจัดว่าตัวเองเป็นคนที่ privileged เกิดมาค่อนข้างจะมีกินมีใช้อยู่พอสมควร บวกกับเส้นสายที่มีในสไตล์ไทยๆ ถึงจะไม่ได้โยงใยมากมาย แต่ก็คงนับว่าพอตัวถ้าเทียบกับปิรามิดคนไทยทั้งหมด
ถ้าพูดกันตามตรงก็ไม่เคยจะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ประเคนมาในพานแบบนี้หรอกนะครับ แต่ทุกวันนี้ก็พยายามคิดว่าจะใช้ชีวิตกับสิ่งที่มียังไงให้เรารู้สึกพอดี และเราก็ทำอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอันกับสังคมได้บ้างก็คงดี (ก็คงออกมาในฟอร์มอย่างที่คนอื่นเห็นๆ กัน ซึ่งเวิคไม่เวิคแค่ไหนอันนี้คงนานาจิตตัง)
แต่ประเด็นที่อยากจะมาพล่ามตรงนี้ก็คือว่า พอด้วยความที่เราเป็นคนที่มีอำนาจวาสนาสักหน่อย ก็แน่นอนว่ามันก็ต้องมีคนเข้าหาเราด้วยเหตุเหล่านี้บ้างไม่มากก็น้อย (ถึงจะไม่ตั้งใจยังไง แต่อำนาจที่เรามีมันก็ influence ส่งผลกระทบถึงการกระทำของคนรอบตัวเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)
เพราะงี้ หลายๆ ครั้งเวลาที่มีคนเข้าหาผม ไม่ว่าจะในเรื่องงาน หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องส่วนตัว ผมเองเลยจะค่อนข้างรู้สึกคิดมากเป็นพิเศษว่า จริงๆ แล้วคนเหล่านั้นเข้าหาเราเพราะอะไร เพราะตัวเราจริงๆ หรืออำนาจวาสนาอะไรที่เรามี คนเหล่านั้นชอบพอที่จะอยู่กับเราจริงๆ หรือแค่เพราะต้องการประโยชน์อะไรบางอย่างจากเรา อันนี้มันก็ชวนให้คิดไปเสียไม่ได้
ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะมองโลกในแง่ร้ายนักหรอกนะครับ เพราะผมก็เชื่อว่าโลกนี้มันก็มีคนได้หลากหลายรูปแบบ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนคิดมาเสียสักหน่อย มันก็เลยอดเก็บมาคิด (แต่ไม่ทันเอื้อนเอ่ย) เสียไม่ได้
ลึกๆ เรื่องนี้มันก็เลยทำให้ผมเองในสายตาบางคนอาจจะเห็นว่ามีท่าทีที่ค่อนข้าง guarded ตั้งท่ากับคนที่ยังไม่รู้จักมาก และไม่ได้พร้อมที่จะเข้าไปสนิทสนมอะไรกับใครได้เร็วๆ เหมือนอย่างคนทั่วไปกัน และในเรื่องเดียวกันนี้ ก็ทำให้ผมเองหลายๆ ครั้งก็จะเกร็งที่จะเข้าหาใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนๆ นั้นดูเหมือนมีอะไรพิเศษเพราะก็กลัวว่าเขาจะคิดว่าเราต้องการอะไรจากเขาเหมือนกัน
ยากจังนะครับ เป็นคนดัดจริตเนี่ย
ชีวิตต้องป็อป!
ผมอยู่ด้วยผลประโยชน์ครับ
ก็ไม่เคยเห็นว่าป่านแสร้งเป็นอย่างอื่นนะ?
เป็น homo economicus ไม่มีอะไรต้องอาย
(เดาว่า พี่นัทจะบอกว่า เป็น homo ไม่มีอะไรต้องอาย)