ระยะหลังๆ มานี้เหมือนว่าจะได้เห็นข่าวคราวฉาวของ Ensogo ผ่านหูผ่านตามามากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเห็นทวีทของ @mamuang ที่ RT เกี่ยวกับเรื่อง counter ตัวนับยอดซื้อบน Ensogo ก็พยายามจะหาข้อมูลเพิ่ม แต่ยังหาไม่ได้ (ใครมีข้อมูลรบกวนแจ้งหน่อยก็ดี) แต่ระหว่างที่หาก็แอบไปเจอเรื่องบ่นในเว็บพันทิพย์อีกพอสมควร เลยคิดว่ามาแฉเรื่องของตัวเองบ้างดีกว่า
เรื่องของผมคงจะเป็นเรื่องอีกฟากฝั่งบ้างนะครับ เพราะว่าผมเองเคยติดต่อกับทาง Ensogo ในฐานะของเป็นธุรกิจที่อยากจะนำสินค้าไปวางขายบนนั้นบ้าง ซึ่งตอนนั้นเลยมีโอกาสได้คุยกับคนใน Ensogo ที่จะมาเจรจาข้อตกลงกับเรา เลยทำให้พบจุดหลายๆ จุดในนั้น
จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมก็พอจะเดาได้นะครับว่าด้วยลักษณะของ Ensogo ที่เน้นการขายของที่ดูเหมือนราคาถูกมากๆ เพื่อดึงดูดให้คนที่ไม่เคยเป็นฐานลูกค้าเดิมของเราอยากที่จะมาลองสินค้าหรือบริการของเราโดยใช้ราคาเป็นตัวล่อ แต่ผมเองก็ไม่เคยรู้ว่าทาง Ensogo เองก็จะโหดอยู่พอสมควร
ที่ว่าโหดในที่นี้คือ ไม่ใช่ว่าใครอยากจะไปฝากดีลด้วยจะตกลงกันได้ง่ายๆ นะครับ เพราะทาง Ensogo เองจะบังคับว่าตัวเลขที่ลดจะต้องหวือหวามากๆ แบบ 50% ขึ้นไปเท่านั้นอะไรแบบนี้ แถมจากตัวเลขที่ลดมาแล้ว Ensogo เองก็หักส่วนแบ่งของตัวเองไปอีกเกือบครึ่ง พูดง่ายๆ คือเงินที่จะเหลือมาถึงธุรกิจนั้นจะเหลือน้อยมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สินค้าหรือบริการที่จะนำไปเสนอขายบน Ensogo ได้ ควรจะต้องเป็นสินค้าที่มี margin ส่วนต่างกำไรสูงๆ อย่างพวกสินค้า luxury ฟุ่มเฟือยต่างๆ (ซึ่งจุดนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกมีปัญหาเท่าไหร่ เพราะคงเป็นเรื่องปกติในสินค้าหรือบริการบางอย่างที่จะมีส่วนต่างกำไรสูงเวอร์ๆ อยู่แล้ว)
แต่แน่นอนว่า กับผลิตภัณฑ์ที่ผมอยากจะไปขาย เป็นสิ่งที่ตรงเงื่อนไขนี้ได้ยาก เพราะกิจกรรมต่างๆ ของคิวบิกครีเอทีฟเอง (โดยเฉพาะค่ายพักแรม) ก็ค่อนข้างจะมีส่วนต่างกำไรที่ต่ำ แต่ตอนนั้นผมก็ตั้งใจว่าอาจจะลองจัดเอาผลิตภัณฑ์อย่างอื่นอย่างเช่นคอร์สกลางวันที่อาจจะมีส่วนต่างกำไรสูงหน่อยที่พอจะถูๆ ไถๆ ไปได้บ้าง
แต่สุดท้าย ผมตัดสินใจที่จะไม่ขายดีลบน Ensogo ต่อ เพราะผมเองค่อนข้างขัดใจกับความคิดของ Ensogo อยู่พอสมควร เพราะในระหว่างที่ผมเจรจาอยู่ด้วยนั้น ผมก็ได้พูดถึงข้อจำกัดในเรื่องส่วนต่างกำไรของผมไปบ้าง แต่คำแนะนำที่ผมได้รับกลับจาก Ensogo กลับไม่ค่อยถูกจริตผมเท่าไหร่นัก
ในตอนนั้น Ensogo แนะนำให้ผมสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่ตั้งราคาสูงๆ แต่ปรับต้นทุนให้ถูกแล้วนำเสนอขาย หรือแม้แต่นำเสนอผลิตภัณฑ์แบบเดียวกัน แต่ตอนทำจริงให้ดำเนินการกับลูกค้าที่ซื้อดีลผ่าน Ensogo อีกแบบที่มีต้นทุนถูกกว่า (Ensogo ถึงกับยกตัวอย่างพวกคอร์สเสริมสวยว่า ของจริงที่จ่ายเต็มอาจจะทำ 5 ขั้นตอน 7 ขั้นตอน แต่พอเป็นดีล Ensogo ก็ให้เราแอบลดเหลือ 2 – 3 ขั้นตอนพออะไรแบบนี้) ซึ่งถ้าใครรู้จักผมมาในระดับหนึ่ง คงจะพอนึกภาพออกว่า ผมไม่ค่อยถูกจริตกับอะไรแบบนี้
แม้ว่าในทางธุรกิจ ผมจะเข้าใจได้ว่าการตั้งราคาให้สูงๆ เพื่อสร้างส่วนต่างราคาเพื่อนำไปใช้ทางการตลาด หรือเพื่อชดเชยข้อจำกัดอื่นๆ ทางธุรกิจจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ในข้อหลังผมคิดว่าเป็นการหลอกลวงมากกว่าการทำธุรกิจ และมันยิ่งน่าขยะแขยงที่คนของ Ensogo เป็นคนเอ่ยปากแนะนำให้เราทำอย่างนั้นเสียเองด้วย โดยที่ตัวเองเป็นเสือนอนกินส่วนแบ่งปริมาณมหาศาลนั้นไป โดยไม่ได้สนถึงต้นทุนของคู่ค้าเลย
นับแต่วินาทีนั้น ผมจึงรู้เลยว่า Ensogo ไม่ใช่ธุรกิจที่มีวัฒนธรรมของธรรมาภิบาลที่ดี คู่ควรแก่การที่ผมจะคบหา หรือแม้แต่เป็นลูกค้าด้วย
และแม้ว่าผมจะเชื่อว่าทุกวันนี้ ก็คงมีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอย่างตรงไปตรงมาและน่านับถือขายดีลอยู่บน Ensogo อยู่บ้าง และลูกค้าหลายๆ คนก็คงโชคดีที่ได้รับสินค้าและบริการที่ดีเหล่านั้น
แต่ผมก็คงไม่ค่อยอยากจะจ่ายเงินให้กับธุรกิจดีๆ เหล่านั้น หากหมายถึงต้องจ่ายส่วนแบ่งส่วนหนึ่งให้กับอีกธุรกิจที่ !@#$%
อัปเดท (07/08/12) – ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่ขอระบุนาม อ้างว่าดูจากจำนวนรายชื่อคนที่เซ็นในสมุดเซ็นชื่อ ต่างกับตัวเลขบนเว็บลิบลับ ยังไงก็ฝากทุกคนลองช่วยกันสังเกตนะครับ อันนี้ก็มีความเป็นไปได้หลายอย่าง ลองใช้วิจารณญาณกันดูครับ
ขอบคุณพี่นัทมากทำให้ได้รู้เบื้องหลังของ ensogo ว่าเค้าทำงานอย่างไรบ้างและเราก็เข้าใจผู้ขายมากขึ้น
แต่เรื่องตัวเลขโอเคเค้าอาจจะมีการทำให้มันดูเยอะเพื่อจูงใจให้คนกดแต่จริงๆคือจ๋าก้อเคยกดสั่งซื้อแต่ไม่มีเวลาไปจ่ายเงิน/ไม่อยากได้แล้วก็ปล่อยมันทิ้งไว้เพราะเราก็ไม่ได้เสียเงินหรืออะไรจึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขหน้าเวปกับตอนเซนชื่อต่างกันค่ะ