จากที่ประเด็นเรื่อง GMM กับ YouTube ที่ก็คงเป็นที่ฮือฮากันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดผมก็เพิ่มเป็นคนเขียนรายงานข่าวประเด็นเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับการดึงนำเอาเนื้อหาวีดีโอจาก YouTube ของเว็บ Gmember ใหม่ ในโอกาสนี้เลยอยากมาแสดงทัศนคติส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียสักหน่อย
จริงๆ ถ้าใครรู้จักผมมานาน ก็คงจะพอรู้ว่าตัวผมเองจะค่อนข้างเป็นสายลิขสิทธิ์นิยมมาแต่ไหนแต่ไร เพราะตั้งแต่เริ่มฟังเพลงช่วงประมาณ ม.ต้น ก็จะซื้อเทป (แฉอายุ) และซีดีของแท้มาตลอด จนทุกวันนี้ก็ยังมั่นใจว่าเพลงใน iTunes Library ที่มีมาจากทางที่ถูกต้องเกิน 95% (ถึงจะมีประเด็นที่นับตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 แล้วการทำซ้ำจากซีดีมาเป็นไฟล์บนคอมพิวเตอร์ก็อาจจะผิดได้อยู่ดีก็ตาม)
ดังนั้นตั้งแต่เริ่มแรกที่มีข่าวเกี่ยวกับการเลิกใช้ YouTube ของทาง GMM ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ GMM ตัดสินใจเป็นสิ่งที่เลวร้ายแต่อย่างใด เพราะอย่างไรก็คงเป็นสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะทำอย่างไรกับการเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์เหล่านั้นก็ได้ และประเด็นที่ว่าธุรกิจย่อมต้องหารูปแบบในการหารายได้ที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ผมเข้าใจดี จะมีก็เพียงแต่ความแปลกใจเล็กน้อยในแง่มุมของทางธุรกิจ ซึ่งโดยลึกๆ ผมก็เชื่อว่าทาง GMM ก็คงมีรายละเอียดข้อมูลอะไรที่จะประกอบการตัดสินใจได้มากกว่าผมอยู่แล้ว
ซึ่งถ้าใครได้อ่านข่าวบน Blognone ของผมคงจะทราบดีว่า ผมก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องประเด็นลิขสิทธิ์หรือการวิเคราะห์ทางธุรกิจ แต่ประเด็นหลักที่ผมเขียนในข่าวคือเรื่องของการที่กระบวนการเผยแพร่สื่อของ GMM อาจขัดต่อ Term of Service ของทาง YouTube
ผมยอมรับครับว่า ในปัจจุบันประชากรโลกส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ ไปจนถึงการยอมรับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญากันอยู่มาก แม้ว่าแนวโน้มในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากตัดสินจากสภาพแวดล้อมที่ผมได้สัมผัสก็คงต้องบอกตรงๆ ว่าถือว่าดีขึ้นมาก และก็มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าทุกวันนี้ในใจลึกๆ ของผมจะยังรู้สึกว่ากฎหมายเหล่านี้ยังไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่ แต่ตราบใดที่มันยังเป็นกติกาในสังคม เราก็คงต้องยอมรับมัน และร่วมกันเสนอทางแก้ไขกันไปตามขั้นตอน
แต่ประเด็นหนึ่งที่ทุกวันนี้ผมเองจะขัดใจอยู่เล็กน้อย คือความเข้าใจและยอมรับเกี่ยวกับสิทธิสัญญาอนุญาต (License Agreement) หรือข้อตกลงการให้บริการ (Term of Service) ที่หลายๆ คนที่มักเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ดีแล้ว กลับมาตกม้าตายกับเรื่องพวกนี้ (เช่นประเด็นเรื่องการเจลเบรก iPhone ที่จริงๆ แล้วก็ไม่ผิดในเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้มีใครคิดถึงเรื่อง EULA เลย)
ดังนั้นในประเด็นของ GMM เองที่ยังมีข้อกังขาในเรื่องของ YouTube TOS ผมเลยคิดว่าคงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดีที่จะทำให้เรื่องของ TOS ได้ผ่านหูผ่านตาสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผมเองก็ยังมีความเชื่อว่า GMM น่าจะเข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดี และน่าจะสามารถที่จะดำเนินการต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมกับ YouTube เช่นเดียวกันครับ