ในวันนี้ตอนแรกเรามีแผนการที่จะไปเที่ยวสวนสนุกที่ Nagashima Spaland แต่เนื่องจากว่าเมื่อคืนโดนผีหลอก ทำให้กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า กว่าจะตื่นออกมาก็สายๆ แถมอยู่ในสภาพเน่ามากๆ ตอนนั้นเราเลยตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนกำหนดการจากวันที่ 4 มาวันนี้แทน
รายการแรกจึงเริ่มต้นขึ้นที่เราไปที่ Toyota Commorative Museum of Industry and Technology ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของโตโยต้าที่จะเล่าถึงประวัติเรื่องราวการเติบโตทางธุรกิจและการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ของโตโยต้าตั้งแต่สมัยที่เป็นบริษัทผลิตเครื่องจักรทอผ้ามาจนถึงการเป็นผู้ผลิตรถยนต์
สำหรับค่าเข้าเราซื้อเป็นตั๋วร่วมกับ Noritake Garden ในราคา 800 เยน ข้างในก็จะมีการแสดงประวัติและการพัฒนาเครื่องจักรต่างๆ ทั้งของอุตสาหกรรมและของโตโยต้าเอง ทั้งในส่วนของการทอผ้าตั้งแต่การทำเส้นใยเป็นด้ายไปจนถึงการเอาด้ายมาทอเป็นผ้า และส่วนรถยนต์ที่อธิบายกลไกการทำงานของส่วนประกอบต่างๆ
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ พนักงานที่เป็นคนให้ข้อมูลที่นี่นอกจากจะน่ารักแล้วยังมีข้อมูลแน่นมากๆ และก็ดูกระตือรือร้นที่จะอธิบาย แม้ว่าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มากก็ตาม
และที่พิพิธภัณฑ์นี้ก็มีร้านอาหารอยู่ ตอนแรกก็สองจิตสองใจว่าจะทานดีไหมเพราะกลัวว่าจะแพง แต่สุดท้ายก็พบว่าคุ้มมาก ราคาถูกกว่าที่คิด ยิ่งเทียบกับคุณภาพแล้ว ชุดเสต็กพร้อมขนมปังและสลัดแค่ 900 เยน เลยสรุปได้ว่าจากค่าเข้าที่แสนถูก พนักงานที่แสนดีและเยอะ และอาหารแสนดีแสนถูก เลยรู้สึกว่าพิพิทธภัณฑ์นี้เป็นหน่วยธุรกิจของโตโยต้าที่ไม่ได้เน้นรายได้จริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่จริงๆ
ต่อมาเราก็ไปเพ้นท์เซรามิกกันที่ Noritake Garden ตอนแรกสุดเลยเขาก็จะให้เลือกว่าเราอยากจะเพ้นท์บนอะไร เช่นจาน แก้ว แต่ละอย่างก็จะมีราคาไม่เท่ากัน แล้วก็บางอย่างอาจจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบที่มีร่างภาพไว้แล้ว ลงสีอย่างเดียว หรือเปล่าๆ ให้ลงเองเลย ผมก็เลยเลือกจานเปล่าๆ มาวาดภาพไม้ตายลงไปตามนี้
หลังจากที่วาดเสร็จ เค้าก็จะเอาไปอบให้เรา แล้วจึงจะส่ง EMS ให้ โดยเราสามารถเลือกว่าจะให้ส่งไปที่อยู่ในญี่ปุ่นได้ฟรี หรือไปที่บ้านเราที่ต่างประเทศเลย โดยที่เราส่งไปที่ประเทศไทยทั้งคู่มีค่าใช้จ่ายรวมที่ 1,900 เยน รวมกับค่าจาน 1,800 เยน เลยตกคนละ 2,750 เยนพอดี ก่อนกลับก็ถ่ายรูปเก๋ๆ ใน Noritake Garden อีกหน่อย
เสร็จจาก Noritake Garden เราก็ตั้งใจว่าจะไปดู Nagoya Castle แต่ปรากฏว่ากว่าจะเดินทางไปถึงก็ปิดซะก่อน เลยได้แต่ดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ก่อนที่จะไปช็อปปิ้งดูของที่ Osu Street ซึ่งแทนก็โดนไปหลายหมื่นเยน ตั้งแต่นาฬิกา เสื้อ หมวก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นวันที่ 3 ที่ Nagoya
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง