A players, B players.

เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์ที่สะกิดใจผมอยู่พอสมควร

จริงๆ มันเริ่มจากเรื่องไม่ค่อยมีสาระที่เรานั่งเล่นเกมการ์ดอะไรกันสักอย่าง แต่เนื่องจากว่าเราคุยกันเล่นๆ ว่าอยากจะรวมหัวแกล้งคนๆ หนึ่งที่เล่นด้วย ผมเลยเสนอว่าจะจัดฉากสุ่มการ์ดเฉพาะพิเศษให้กับคนๆ นั้น โดยผมบอกทุกคนว่าเดี๋ยวพอเขาเข้ามาแล้ว ผมจะทำเป็นล้างไพ่ ให้ทุกคนดูไพ่ที่ค้างกับมือขวาของผมไว้เพราะผมจะลากไพ่ใบนั้นไว้ตลอด แล้วให้ทุกคนเลี่ยงอย่าจับใบนั้น

แต่เนื่องจากเวลานั้นที่ยังไม่ทันตกลงกันได้ชัดเจนเท่าไหร่ เป้าหมายก็เดินเข้ามาพอดี ผมก็เลยรีบยกมือขวาขึ้นกลางวงชัดๆ พร้อมพูดย้ำว่า “เอ้า จะล้างไพ่แล้วนะ” พร้อมกับเอามือขวาโปะไปบนไพ่เป้าหมายกลางวง แล้วล้างไพ่ไปมา

เรื่องราวเหมือนจะผ่านไปด้วยดี เมื่อทุกคนต่างหยิบไพ่ที่ไม่ใช่ใบนั้น และไพ่ใบนั้นก็ตกเป็นของเป้าหมายไปตามที่วางแผนกันไว้

จนกระทั่ง…

เล่นผ่านกันไปจนจบเกม สุดท้ายสมาชิกส่วนหนึ่งก็ถูกเป้าหมายปั่นหัวจนนึกว่าการ์ดใบนั้นอยู่ที่คนอื่น จนสุดท้ายเป้าหมายของเราก็ชนะเกมนี้ไปเสียฉิบ

อาจเป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีเพียงคนเดียวในวงที่เป็นทีมงานรุ่นเก่าแก่ของคิวบิกครีเอทีฟที่ยังเข้าใจว่าเราเตี๊ยมอะไรกัน และงุนงงพอๆ กับผมที่คนอื่นเล่นเกมกันราวกับไม่มีข้อตกลงนี้มาตลอดทั้งเกม ในขณะที่คนที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นทีมงานประจำรุ่นใหม่ๆ ของคิวบิกครีเอทีฟ แต่ภาพที่เกิดขึ้นตรงนี้สะกิดใจผมไม่น้อย

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากวีกิจในงานๆ หนึ่ง เมื่อเสร็จงาน วีกิจเองได้แสดงความเป็นห่วงกับข้อสังเกตที่วีกิจรู้สึกว่าผู้ร่วมงานนั้นไม่เก่งกาจเท่ากับที่วีกิจเคยรับรู้ในอดีต

ตอนที่วีกิจบอกผม ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากมาย เพราะลึกๆ ในใจก็คงรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาตลอด และความไม่สมบูรณ์แบบนั้นอาจเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามไปจากผม พร้อมๆ กับการเติบโตที่ยอมรับกับสภาพความจริงของโลกใบนี้มากขึ้นตามระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา

แต่ไม่เหมือนกับการเล่นเกมเมื่อคืนนี้ที่เป้าหมายมีเพียงชัยชนะโดยไม่ต้องสนความซับซ้อนของสังคมโลก ผมเล่นเกมด้วยจิตวิญญาณของการเอาชนะอย่างไร้เดียงสาแบบเดียวกับการทำคิวบิกครีเอทีฟเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ด้วยความรู้สึกที่ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบและยอดเยี่ยมที่สุดในทุกแง่มุม

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปนอนเพื่อวาร์ปเวลาสู่วันรุ่งขึ้น ผมนอนนิ่งๆ จ้องมองเพดานในความมืดมิดและพลางปล่อยให้ความคิดลอยข้ามไปมาในห้วงเวลา

“หรือจริงๆ แล้วความไร้เดียงสานี้มันไม่จำเป็นต้องหายไปกันนะ?” ผมถามตัวเองในใจ พลางนึกถึงช่วงหนึ่งในหนังสือ Steve Jobs ที่ผมอ่านเมื่อหลายปีก่อนได้

I’ve learned over the years that, when you have really good people, you don’t have to baby them. By expecting them to do great things, you can get them to do great things. The original Mac team taught me that A-plus players like to work together, and they don’t like it if you tolerate B-grade work.

It’s too easy, as a team grows, to put up with a few B players, and they then attract a few more B players, and soon you will even have some C players. The Macintosh experience taught me that A players like to work only with other A players, which means you can’t indulge B players.

ผมเองมีความเชื่ออยู่ในใจเสมอว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ และ B player ทุกคนสามารถที่จะก้าวข้ามสู่การเป็น A player ได้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และนี่ดูเหมือนว่าจะเป็นเป้าหมายในการบริหารงานของผมในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และผมเองก็ยังไม่ได้มีความคิดที่จะทอดทิ้งความเชื่อนี้

แต่ตอนนี้ ผมอาจจะต้องเตือนตัวเองขึ้นบ้างแล้วว่า ถ้าจะให้รอบตัวมีตัว B หรือ C players ต่อไปก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s