เอาล่ะ วันนี้มีคีย์บอร์ดแล้ว คงจะพิมพ์ได้สะดวกโยธินขึ้นบ้างแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า

วันนี้เริ่มต้นด้วยการไปพิพิธภัณฑ์ (อีกแล้ว) ฟรี (อีกแล้ว) นั่นคือ Victoria & Albert Museum เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลป์ ก็จะมีพวกงานศิลปะในอดีตจากพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ (แต่ก็เน้นหนักที่ยุโรปเป็นหลัก) ซึ่งก็จะพอทำให้เห็นวิวัฒนาการในการสร้างงานต่างๆ ตั้งแต่เทคนิกวิธีการ สิ่งที่นำเสนอที่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลามาเรื่อยๆ

เริ่มจากกรีกโรมัน อันนี้เน้นหินอ่อน และต้องแก้ผ้าไม่รู้ทำไม และไม่รู้ทำไมอีกส่วนใหญ่มีแต่จู๋ ไม่มีจิ๋ม คงสะท้อนอะไรบางอย่างของสมัยนั้น
ตื่นเต้นไม่เคยคิดว่าจะได้เจอหนังสือประดับเพชรพลอยเพิ่ม stats แบบนี้ตัวเป็นๆ นี่มันอาวุธ Paladin ชัดๆ (ข้างในยังเป็นแบบต้องเขียนด้วยมือทั้งเล่มอยู่ เป็นยุคก่อนเทคโนโลยีการพิมพ์ แต่ที่แอบสังเกตคือ แสดงว่าวิธีการเย็บเล่มแบบนี้มันก็คงมีมานานแสนนานก่อนแล้ว
อันนี้เค้าให้เราลองลอกลายกลับบ้านไปได้สนุกๆ (แต่ดินสอสีเสือกกุดหมดแล้วไม่มีที่เหลาให้)
อันนี้ตรงกลางพิพิธภัณฑ์จะมีสวนกับบ่อน้ำตรงกลางกับคาเฟ่
อันนี้ส่วนที่เน้นเฉพาะเกี่ยวกับศาสนาพุทธ (หรือก็คือพระพุทธเจ้าเป็นหลัก) ก็มีตั้งแต่สไตล์จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อันนี้ห้องญี่ปุ่น สนับสนุนโดย Toshiba
มีตู้พิเศษประมาณ 3 ตู้ที่เป็นของประเทศไทยล้วนๆ สนับสนุนโดยรัฐบาลไทย

ทั้งนี้ทั้งนั้น จากที่เดินๆ ไปเดินๆ มา ก็มีอย่างนึงที่แอบสะกิดใจขึ้นมาให้ขนลุกเล็กๆ คือตอนที่เดินผ่านมาตรงกระจกทาสีอันนี้

IMG_0406

ที่ขนลุกก็คือตอนนี้เดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วเห็นรอยสีตวัดแบบนี้

IMG_0407

คือรอยมันดูชัดเจนจนเหมือนเห็นภาพคนที่เป็นคนทาสีกำลังตวัดอะไรสักอย่างที่ทำให้เกิดลายแบบนี้ แล้วก็สะกิดขึ้นมาในใจว่า เออ ใครกันนะที่เป็นคนสร้างรอยตรงนี้ไว้ ตอนที่เค้าตวัดสีทานี่เค้าคิดมั้ยว่าวันหนึ่งจะมีใครมานั่งส่องรอยที่เค้าตวัดไว้แบบตั้งใจไม่ตั้งใจก็เถอะ แค่รายละเอียดเล็กๆ นี้มันจะยังอยู่มาเป็นร้อยๆ ปีให้ใครก็ไม่รู้มาส่อง

พอเสร็จแล้วสักบ่ายๆ ผมก็ต้องรีบกลับมาเอาของที่บ้านเพื่อไปขึ้นรถบัสไป Brighton ต่อ โดยที่ตั้งใจรีบเพราะดูพยากรณ์อากาศเค้าบอกว่าฝนจะตกตอนบ่ายสามครึ่ง คือพยากรณ์อากาศที่นี่แม่งแม่นน่ากลัวเวอร์ พอสามโมงครึ่งปุ๊ป ตกปั๊ป ห่า ยังรอรถเมล์ (ไม่ใช่รถของเมย์) อยู่เลย

พอมาถึงที่ Victoria Coach Station ก็ต้องนั่งดูว่ารถที่เราจะไปต้องไปรอที่ประตูไหน (เหมือนเครื่องบินมาก รถที่เราไปก็มีรหัสเป็น SH025)

พอถึงเวลาก็ขึ้นรถ ในรถมีเอกสารความปลอดภัยยังกับเครื่องบิน มีไวไฟให้ใช้ได้ฟรี 20MB หรือจะต่อไวไฟเพื่อดูหนังฟังเพลงที่มีไว้บนเครื่องได้ฟรีก็ได้ด้วย ปลั๊กไฟก็มีให้เสียบ ไฮโซมาก (ไปกลับ 10 ปอนด์)

กว่าจะถึงก็ดึกแล้ว ต้องลากกระเป๋าฝ่าความหนาวเดินไปที่พักอีก 20 นาที พอถึงหลับเป็นตาย

จบวัน

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s