วันนี้ตื่นมาตอนเช้า หลังจากที่กินข้าวเช้า (นมกล่องนึง) และแต่งตัวเสร็จสัก 10 โมง ก็รีบบึ่งออกมาพร้อมกับข้าวของ นั่ง Uber ขนของเพื่อย้ายมาที่ Aloft แถวสถานี KL Sentral

ถึงตอนนี้บางคนอาจจะงงว่า อ้าวจะย้ายโรงแรมทำไม เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ คือจริงๆ แล้วทริปนี้นอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อต่ออายุบัตร Marco Polo Club แล้ว ยังมีวัตถุประสงค์แฝงเพื่ออัปสเตตัสของสมาชิก SPG (Starwood Preferred Guest) ให้เป็นระดับ Platinum ด้วย (ปัจจุบันเป็น Gold)  สืบเนื่องจากเป็นเหยื่อการตลาด เพราะได้ข้อเสนอพิเศษจาก SPG ว่าจะดับเบิ้ลจำนวนการเข้าพักหรือคืนที่พักให้สองเท่า เลยคิดว่าน่าจะมีโอกาสปั๊มได้ถึง Platinum กอรปกับตอนที่มาลองหาโรงแรมใน KUL ก็พบว่าราคามันไม่ได้แพงเกินไป เลยลุยเลย

ทีนี้ที่มันต้องย้ายโรงแรมเพราะว่า การนับยอดของ SPG (หรือเครือโรงแรมทั่วๆ ไปส่วนใหญ่) เค้าจะนับจากจำนวน stay (ครั้งที่พัก) หรือ night (คืนที่พัก) อย่างจะได้ SPG Platinum เนี่ย ต้องพักให้ได้ 25 ครั้งหรือ 50 คืนในหนึ่งปีปฏิทิน เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะได้ยอดโดยใช้เงินน้อยกว่า ก็ต้องใช้แบบครั้ง ซึ่งครั้งเนี่ยเค้าจะมีกฏว่าถ้ามีคืนที่เข้าพักในโรงแรมเดียวกันจะถือว่าเป็นครั้งเดียวกันเสมอ แม้ว่าเราจะย้ายห้องก็ตาม เพราะงั้นเลยต้องย้ายโรงแรมไปมาเท่านั้น

กลับมาที่ Aloft พอมาถึงสัก 10:30 ก็เข้าไปหาพนักงานต้อนรับแล้วแจ้งว่าจะขอฝากกระเป๋า เพราะกว่าจะถึงเวลาเช็คอินก็ 15:00 แต่ปรากฎพอแจ้งชื่อเสร็จ พนักงานก็ตอบว่า “Your room is ready now, would you like to check-in now?” ก็เสร็จโจรสิครับ ได้เช็คอินตั้งแต่สิบโมงแบบนี้

Aloft ที่นี่มีความชิคอีกอย่าง คือสามารถใช้ iPhone หรือ Apple Watch แทนกุญแจในการกดลิฟท์หรือเปิดห้องได้ด้วย (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ SPG Keyless) เรามีวิดีโอประกอบ




หลังจากตื่นเต้นกับความชิคของ SPG Keyless ไปแล้ว ก็ออกเดินทางมาเที่ยว โดยเป้าหมายแรกคือ National Museum ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของประเทศมาเลเซียเป็นหลัก ก็เข้ามาซึมซับความ nationalist ชาตินิยมให้ดื่มด่ำ ก่อนจะไปที่เป้าหมายต่อไปคือ KL Bird Park

เทศกาลต่างๆ ของประเทศมาเลเซีย (หลากหลายวัฒนธรรมมาก)

ชุดของชาติพันธ์ต่างๆ ในประเทศมาเลเซีย
ตกลงมันยังมีขายในไทยมั้ยนะ?
อันนี้ย้อนอดีตประเทศมาเลเซียไปถึงยุคหิน

อันนี้ตื่นเต้นดี ไม่เคยรู้จักมาก่อน ไอ้เส้นตรงกลางที่เขียนว่า Huxley’s Line เป็นเส้นที่แบ่งว่าวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตระหว่างสองเส้นนี้จะต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เป็นหลักฐานได้ว่าเมื่อก่อนโซนทางซ้ายมือเคยเชื่อมต่อถึงกันหมดเพราะระดับน้ำทะเลต่ำ ในขณะที่ต่ำไม่พอที่จะเชื่อมไปถึงทางขวาด้วย

พอมาถึงก็ได้เวลาเที่ยงๆ พอดีเลยตัดสินใจพักกินอาหารกลางวันที่ร้านชื่อว่า Hornbill ก่อน (เผื่อใครไม่ทราบ hornbill นกเงือกถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ signature ซิกเนเจอร์ของประเทศลานเกียร์มาเลเซีย) ที่ตลกคือ ระหว่างที่ทานๆ อยู่ ก็เหมือนมีนกเงือกมาเกาะอยู่หลังร้านะพอดี ผู้จัดการร้านก็เดินมาบอกทุกโต๊ะว่ามีนกเงือกอยู่ข้างหลังนะ เผื่อจะไปถ่ายรูปกัน ไรงี้


หลังจากนั้นก็เดินท่องเที่ยวในสวนนกที่บัตรราคา RM50 เดินไปก็ผวาขี้นกไป สวนใหญ่มาก ก็ไล่ๆ เดินไปจนครบ ก็เพลินดี แต่ร้อนใช้ได้เลย

ใกล้ชิดมาก เห็นขี้ดรอปรัวๆ

นกยูงเงี่ยน (แต่ถ่ายตอนมันเริ่มหายเงี่ยนแล้ว)

พอจบ เป้าหมายต่อไปคือจะไป Kuala Lumpur City Gallery ที่มี I❤KL ตัวใหญ่ๆ อยู่ พอมาถึงก็เพิ่งค้นพบว่า อ้าวอีห่าอยู่ข้าง Merdaka Square ที่ผ่านมาเมื่อวาน (สงสัยเหนื่อยและร้อนจัดไม่ทันเห็น) ก็เข้าไปถ่ายๆ รูป แล้วก็ดูนิทรรศการข้างใน แล้วก็ทานลอดช่อง RM6

เค้าต่อแถวถ่ายรูปกัน (ไม่ได้ต่อด้วย)

อันนี้เป็นนิทรรศการชั่วคราว เจ๋งดี เค้าทำเป็นแฟชั่นเสื้อผ้า แล้วตัดเป็นรู ไปถ่ายกับรูปวิวต่างๆ

อันนี้เป็นโชว์แสงสี แบบมีโมเดลเมืองที่มีไฟ แล้วก็มีวิดีโอฉาย แนะนำเมือง Kuala Lumpur

หลังจากชมเสร็จ ก็กลับมาพักผ่อนช่วงเย็นที่โรงแรม ไปยกเหล็ก ว่ายน้ำ แล้วก็มากินบุฟเฟต์อาหารทะเลที่ห้องอาหาร Nook ในโรงแรม (สมาชิก SPG ลด 30% เบ็ดเสร็จเหลือ RM77 รวมทุกอย่างแล้ว)


ปิดท้ายวันนี้ด้วยการโฉบไปเดินเล่นที่ตลาดตรง Chinatown แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีเหี้ยอะไรเลย


กลับ จบ +1 นอน

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s