วันนี้ต้องรีบตื่นตั้งแต่หกโมงเพื่อเหาะเหินเดินอากาศไปสนามบินเพื่อขึ้นไฟลท์เก้าโมงเช้าไปฮานอย ก็เก็บของ ขึ้นรถไฟมาเช็คอิน รอขึ้นไฟลท์ตามปกติ รอบนี้แม้ว่าจะเป็นเครื่อง 737-800 เหมือนเดิม แต่เป็นระดับกากที่ไม่มีแม้แต่จอ แต่การบริการก็ยังประทับใจดีอยู่ แม้ว่าคราวนี้จะมีคนนั่ง 6 คนแล้ว
เหตุการณ์คือ เนื่องจากว่าเป็นไฟลท์ที่ลงเที่ยงๆ พอเค้าเสิร์ฟข้าวตอนเครื่องขึ้นแรกๆ เลยขอแยกขนมปังไว้กะว่าจะกินก่อนเครื่องใกล้ๆ ลง ตอนเที่ยงจะได้ไม่หิวอีก ทีนี้เหตุการณ์ล่วงเลยมาถึงตอนเครื่องจะลง ก็เริ่มเอาขนมปังที่แยกไว้มาจะเริ่มทาน จังหวะนั้น purser เดินผ่านมาพอดี นางก็เข้ามาบอกว่า “Mr.Nutch, let me change these bread for warmer one for you.” แล้วก็หยิบเอาขนมปังไปเปลี่ยนเป็นของใหม่ที่อุ่นๆ หน่อย ที่ประทับใจนอกเหนือจากเรื่องไปเปลี่ยนมาให้คือ purser ซึ่งไม่ได้บริการเราตรงๆ เลยก่อนหน้านี้ สามารถเดินผ่านมาแล้วเรียกชื่อเราได้ทันทีแบบไม่ต้องนึก คิดในใจว่าสมองคนทำงานพวกนี้ต้องจดต้องจำอะไรมากมายแค่ไหนเนี่ย
ผ่านไปมาถึงสนามบินที่ฮานอย ตื่นเต้นตกใจที่ได้ยินภาษาญี่ปุ่นมากมายเต็มไปหมด พร้อมกับผู้คนที่ดูหนังหน้าและการแต่งตัวรู้ได้ทันทีว่าเป็น japanese salaryman มากมาย เลยเพิ่งมาสืบๆ ทีหลังพบว่าช่วงนี้มีบริษัทญี่ปุ่นมาลงทุนที่เวียดนามเยอะมาก เลยไม่แปลกที่มีคนญี่ปุ่นเต็มสนามบินเต็มไปหมด
ในทริปฮานอยนี้ เรามีผู้ร่วมทริปนั่นคือเบนซ์ที่จะบินตามมาในช่วงเย็นๆ แต่เนื่องจากว่าเราขี้เกียจรอ พอแลกเงินเสร็จ ซื้อซิม แล้วก็เรียกอูเบอร์มา Sheraton Hanoi เพื่อรอเลย ระหว่างรอก็เดินออกไปเที่ยวรอบๆ ทะเลสาบที่อยู่ตรงโรงแรม และก็เริ่มสัมผัสปรากฎการณ์การบีบแตรไม่หยุดของคนเวียดนาม จะบ้า
ตอนเย็นพอเบนซ์มาถึงแล้ว ก็ออกไปเดินเที่ยวในเมือง ทานอาหารริมข้างทาง แล้วดูหุ่นกระบอกน้ำ (เคยเห็นวิดีโอตอนไปพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษ ตอนนี้ได้เห็นของจริงแล้ว)
แล้วก็กลับโรงแรม นอน จบ