ในโอกาสที่เป็นครั้งที่สองที่ได้มาโฮจิมินห์เพื่อมางาน Echelon Vietnam 2016 หลังจากที่ครั้งแรกก็เล็งๆ ว่าจะพักที่โรงแรมเครือ Starwood แล้ว แต่รอบนั้นเนื่องจากเกาะทริปมากับคนอื่น เลยปล่อยให้คนอื่นเป็นคนจัดการเรื่องที่พักไป มาคราวนี้มาเอง เลยได้พักสมใจอยากเสียที โดยที่โฮจิมินห์จะมีโรงแรม Starwood สองโรงแรมให้เลือก ได้แก่ Le Méridien กับ Sheraton (ซึ่งแพงกว่าหน่อยนึง)
เริ่มความฟินตั้งแต่ตอนจอง เนื่องจากว่าโชคดีไปเจอเรทที่ถูกกว่าที่ขายจากตัวแทนข้างนอกได้ เลยทำการของ BRG (Best Rate Guaranteed) โดยที่ตามนโยบายของ SPG ถ้าเกิดว่าเราหาห้องพักที่เหมือนกันเป๊ะๆ แต่ถูกกว่าจากที่อื่นมาได้ เค้าจะยอมลดราคามาให้เท่ากับเจ้าที่เจอ พร้อมกับให้เลือกระหว่างลดเพิ่มอีก 20% หรือได้รับ 2,000 StarPoints คราวนี้หลังจากที่บวกลบคูณหารแล้ว เลือกลด 20% คิดว่าคุ้มกว่า เลยสรุปได้เป็นเรทราคาสุทธิต่อคืนที่ 2,434k VND หรือคิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 3,800 บาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นราคาที่ดีเลยทีเดียวสำหรับโรงแรมระดับนี้
ตอนที่จองจองไว้เป็นห้อง Premiere Classic (ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นห้องเบสิกที่สุด) แต่ก่อนหน้านี้เวลาเข้าไปเช็คในเว็บก็จะเห็นว่าห้องปรับระดับขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ได้เพิ่มเป็นห้องวิวแม่น้ำ จนล่าสุดก่อนเช็คอินได้เป็นห้อง Club Classic ซึ่งจริงๆ ก็คือห้องแบบเดียวกับ Premiere เป๊ะๆ แต่อยู่ชั้น 19 – 21 และได้สิทธิ์ในการเข้า Club Lounge (ซึ่งปกติเป็น SPG Platinum ก็ต้องได้เข้าอยู่แล้ว) แต่สุดท้ายพอตอนเช็คอินพนักงานก็ปรับให้อีกระดับหนึ่งเป็น Club Deluxe ซึ่งค่อนข้างใหญ่กว่ามาก (จาก 38 m2 เป็น 55 m2)
Le Méridien Club Lounge
แต่ก่อนที่จะมาถึงห้อง ตอนนั้นเนื่องจากว่าหิวมากเพราะกว่าจะมาถึงก็สักประมาณ 19:00 แล้ว และมื้อเย็นที่เลานจ์ก็จะเสิร์ฟถึงแค่ 19:30 เลยรีบมาทานที่ชั้น 22 ก่อน ซึ่งอาหารโดยรวมชอบมาก มีตัวเลือกโปรตีนเยอะดี ฮา…



Guest Room
หลังจากที่กินเสร็จ ก็ลงไปที่ห้องเบอร์ 1902 ก็พบว่าใหญ่กว่าที่คิดไว้ตอนแรกอยู่โข ใหญ่จนรู้สึกว่าอยู่คนเดียวไม่คุ้มเลย ฮา…






ที่ห้องก็จะมีรายการของที่สามารถขอเพิ่มได้วางไว้ให้ ที่งงๆ คือมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในรายการด้วย แถมอยู่ในรายการที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขอ ขอแค่ bath salt มาแช่เล่นเฉยๆ
Fitness & Pool
หลังจากนั้นก็ลงมายกเหล็กที่ยิมกับสระว่ายน้ำ สำหรับยิมถือว่าเป็นยิมที่เครื่องใหม่และครบครันที่สุดในบรรดาโรงแรมที่เคยพักมาทั้งหมด (เยอะกว่า Okura Prestige Bangkok อีก) แต่อันนี้ลืมถ่ายรูป ถ่ายมาแต่สระ รูปยิมเลยขโมยมาจากเว็บของโรงแรมละกัน


Breakfast
อาหารเช้าก็ทานที่เลานจ์ (หรือจริงๆ จะเลือกทานที่ห้องอาหาร Latest Recipe ก็ได้ เมนูก็คงจะมีเยอะกว่า แต่ถ้าไม่จ่ายเงิน ก็ต้องไม่รับโบนัส 500 StarPoints เลยเอาที่เลานจ์แหละ) ซึ่งก็ไม่แย่ มีครบครันอยู่ ที่เด็ดๆ คือมีพวกสารพัดชีส แซลมอนรมควัน แยมที่ให้ก็เป็นแยมกระปุกแก้วเล็กๆ อย่างดี (ถ้ากินไม่หมดก็ดูแอบเปลือง) ที่สำคัญต้องมีเมนูเวียดนามอย่างเฝอ

ทีนี้เพื่อประหยัดตังเอาให้คุ้ม เราก็เลยใช้วิธีกินมื้อเช้าให้เยอะๆ แล้วมาทานอีกทีที่เลานจ์ตอนบ่ายๆ (มีของว่าง) แล้วรอทานมื้อเย็นเลย มื้อเย็นวันที่สองมีกุ้งย่างด้วย

มาจนวันสุดท้าย ก่อนที่จะต้องย้ายโรงแรมเตรียมไปเรื่องงาน ก็ขอเช็คเอาท์เลทตามปกติ (SPG Gold ขึ้นไปขอเลทได้ถึงสี่โมงเย็น) ก็เลยขอเลท แถมพอเช็คเอาท์เสร็จ ก็ขอเค้าไปว่าขอนั่งอยู่ในเลานจ์จนมื้อเย็นได้ไหม เค้าก็ยอม เลยได้ทานมื้อเย็นมื้อสุดท้ายอีกที ก่อนเรียก Uber ไปอีกโรงแรม

สรุป
เป็นโรงแรมที่เนี้ยบมาก และราคาถือว่าถูกกว่าคุณภาพอยู่พอตัว ขนาดมาคนเดียวยังรู้สึกคุ้ม ถ้ามาสองคนก็น่าจะยิ่งคุ้มไปใหญ่ ต่อให้ไม่ทำ BRG ก็ตาม จุดที่เด่นมากอยู่ที่ฟิตเนสกับเลานจ์ ห้องพักถือว่าโอเคปกติตามราคา ส่วนสระน้ำน่าจะว้าวกว่านี้ได้
ส่วนอีกสองสัปดาห์จะไปวิ่งมาราธอนที่สิงคโปร์ ทำ BRG ที่ The Westin Singapore ไว้ได้อีก ไว้มามาแปะอีก
เป็นอันจบสองคืนอันหรูหราที่ใช้เงินส่วนตัว ก่อนที่จะย้ายไปพักอีกโรงแรมก่อนเข้างาน Echelon Vietnam 2016 ซึ่งต้องเบี้ยน้อยหอยน้อย เพราะใช้เงินบริษัทจ่าย
มีภาพให้ดู จบใน 1 ภาพ

One thought on “Review: Le Méridien Saigon”