ตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาลอง The Westin Singapore ซึ่งจริงๆ ก็เป็นโรงแรมที่เล็งมาไว้นานมากแล้ว เพราะได้อ่านรีวิวหลายๆ ที่มานี่แบบสุดยอดทั้งนั้น แต่เนื่องจากมันแพงสลัด (คือดับเบิ้ลแพงความเป็นสิงคโปร์ บวกกับ Westin เข้าไปอีก) ครั้งนี้มีโอกาสได้ไปพักจริงๆ เพราะว่าบังเอิญทำ BRG ได้ (อีกแล้ว) เลยทำให้ลดราคาลงมาจากคืนละ SGD 318 เหลือ SGD 255 ก็โอเคหน่อย
ความประทับใจแรกเริ่มต้นจากอีเมลที่ทางโรงแรมส่งมาให้ก่อนวันเช็คอินสองสามวัน ซึ่งก็เคยได้อีเมลแบบนี้มาก่อนบ้างแล้ว แต่คราวนี้เราก็เลยแค่ตอบกลับไปว่ามาพักเพราะจะมาวิ่งมาราธอนเฉยๆ โดยไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่ารายการอะไร สักพักก็ได้อีเมลตอบกลับมาแบบนี้
…
I am very delighted to hear that you have chosen The Westin Singapore for this special trip. As you are participating in the marathon run, please be informed that the race pack collection venue will be at : Singapore Expo Hall 4. It is very near to the Changi airport. Therefore, I suggest you to collect the race pack before coming to the hotel for check in. The collection time will be from 10am – 7pm.
…
คือไม่ได้ถามอะไรทั้งนั้น แค่บอกว่าวิ่งมาราธอน แต่ให้ข้อมูลมาครบ แถมแนะนำด้วยนะว่าให้ไปเอาของก่อนเพราะอยู่ทางผ่านจากสนามบิน อะไรจะทำการบ้านมาดีขนาดนั้น
พอมาถึงโรงแรมสักประมาณ 9 โมงกว่าๆ (เวลาเช็คอินปกติคือบ่ายสาม) ปรากฎว่าเค้าเตรียมห้องไว้ให้แล้ว แล้วก็สามารถให้เช็คอินได้เลย โดยที่ทางนั้นอัปเกรดให้เป็นห้องมุมชั้น 43 (Executive Club Floor)
Guest Room


แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดคือ ในห้องคนมีการ์ดจากเจ้าหน้าที่ที่คุยอีเมลด้วย พร้อมกับผลไม้และน้ำเกลือแร่
หลังจากนั้นก็สำรวจห้องต่อ ในห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะเด็กเนิร์ดอย่างเราคือ ห้องสามารถต่อ Bluetooth เพื่อเล่นเพลงไปยังทีวีได้ และที่สำคัญสุด สามารถ AirPlay เสียงและวิดีโอได้ (แต่ต้องต่อเน็ตเวิร์กเฉพาะของมัน เลยเป็นปัญหาว่าไม่สามารถใช้ AirPlay พร้อมกับต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ได้
ปัญหาเดียวที่มีกับห้องพักคือ น้ำจากห้องอาบน้ำรั่ว! รั่วออกมาตรงโซนแห้ง รั่วออกมาแบบถล่มทลาย และหลังจากที่ดูดีไซน์ตรงพื้นดีๆ ก็พบว่าเป็นปัญหาระดับดีไซน์ของห้องน้ำ คือแก้ไม่ได้ง่ายๆ พอบอกกับพนักงานตอนเย็น ก็ดันบอกว่าปกติ เดี๋ยวเอาผ้าขนหนูมาเพิ่มให้ (ในใจคิดว่า อะไรวะ)
Executive Club Lounge
หลังจากนั้นตอนบ่ายก็ได้เวลาไปกินขนมฟรี (อันนี้เบนซ์คงชอบ) ที่ Westin Executive Club Lounge ก็มีของว่างเป็นอะไรสักอย่างทำจากไข่กับปลาแซลมอน กับอีกอย่างเป็นเนื้อไก่ถ้าจำไม่ผิด
สำหรับมื้อเย็นใน Westin Executive Club Lounge ทั้งสองวันหลักๆ จะคล้ายๆ กัน มีแอลกอฮอล์โน่นนี่นั่นให้เลือก (แต่ไม่กินเลยไม่รู้เรื่อง) มีอาหารร้อน ไม่งกโปรตีน มีเนื้อหนังครบถ้วนดี วันแรกมีสะเต๊ะ วันที่สองมีติ่มซำ ส่วนของหวานมีผลไม้ ช็อกโกแลต กับทาร์ต
Fitness & Pool
พอตกบ่ายวันแรกก็ตั้งใจว่าจะไปยกเหล็กกับว่ายน้ำวอร์ม แล้วก็หวังว่าจะได้นอนหลับง่ายๆ หน่อยตอนกลางคืน เพราะต้องตื่นแต่เช้ามืดไปงานวิ่ง (แต่ปรากฎดันนอนไม่หลับ เลยกลายเป็นว่าต้องไปวิ่งทั้งๆ ที่เหนื่อยจากการว่ายน้ำและไม่ได้หลับ ฮา) สำหรับห้องฟิตเนสถือว่าดี แต่ไม่เจ๋งเท่า Le Méridien Saigon ในความเห็นส่วนตัว ส่วนสระน้ำอยู่ในพื้นที่เปิดเลยดูสบายๆ กว่า
Breakfast
ส่วนอาหารเช้า วันแรกหลังจากวิ่งเสร็จมาทานอาหารเช้าที่เลานจ์ ตัวเลือกก็มีไม่ค่อยมาก แต่ที่แปลกไม่เคยกินคือแพนเค้กแซลมอน (ทำให้ร้อนๆ ตอนนั้นเลย)
แต่ที่รู้สึกพลาดก็คือ จริงๆ เราสามารถเลือกมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Seasonal Tastes ตรงล็อบบี้ก็ได้ ซึ่งมาวันที่สอง พบว่าตัวเลือกอลังการกว่ามาก ทั้งของคาวของหวาน ครบถ้วนสมบูรณ์สุดๆ พลาดมาก ฮ่าๆ (คือตอนแรกไม่รู้ เพราะปกติบางทีถ้าไม่ได้จองห้องที่มีอาหารเช้าด้วยอย่างในกรณีนี้ บางทีถ้าเป็นห้องชั้น Executive Club เขาจะให้ทานได้แต่ในเลานจ์เท่านั้น แต่ทีนี้ยอมให้มาทานข้างล่างด้วย)
สรุป
ประทับใจทุกอย่าง ที่เนี้ยบมากคืองานบริการที่ใส่ใจสุดๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าพักยันเช็คเอาท์ ห้องพักก็เนี้ยบมากสมราคา จะดีมากถ้าไม่พลาดเรื่องโง่ๆ อย่างน้ำรั่ว อาหารกับเลานจ์โดยทั่วไปถือว่าดี แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับโรงแรมอื่นๆ ในเอเชียเท่าไหร่ แต่ที่ประทับใจสุดๆ คือมื้อเช้าที่ห้องอาหาร Seasonal Tastes ที่จัดหนักจัดเต็มสุดๆ
แต่ถึงงั้น ถ้าถามว่าจะไปพักอีกมั้ย ก็คงไม่ถ้าไม่บังเอิญมีโอกาสพิเศษอะไร หรือได้เรท BRG ถ้าไปสิงคโปร์แล้วจะพัก SPG จริงๆ ก็ยังคงไปตัวเลือกที่ถูกกว่า (แต่ยังแพงอยู่ดี) อย่าง Wanderlust หรือ Four Points อยู่ดี
6 thoughts on “Review: The Westin Singapore”