Review: Japan Airlines First Class Lounge Haneda

หลังจากที่อุตสาห์รอนแรมจนได้ Qantas Platinum มา ก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าเลานจ์เฟิร์สคลาสสักที่เลยสักที จนมารอบนี้ที่ไป Florida บินกับ JAL เลยได้มี โดยขาไปผ่านไปทาง Narita แต่ไม่ทันได้เก็บรายละเอียดมากพอ เลยไม่คิดว่าจะเขียนรีวิวอะไรได้ แต่ขากลับตอนจะบินกลับกรุงเทพฯ บินออกจาก Haneda ซึ่งคราวนี้มีเวลาเลยพอจะเก็บรายละเอียดอะไรได้มากพอที่จะเอามาเขียน

สำหรับเลานจ์ของ Japan Airlines ที่ Haneda ใน International Terminal จะมี 2 ที่ แต่มีที่เดียวที่จะมีสำหรับ First Class แยกด้วย เป็นอันที่อยู่หน้าเกท 112

พอเข้ามาถึง ก็จะมีพนักงานดู boarding pass บัตรขึ้นเครื่องอะไรตามปกติ โดยพนักงานก็จะพาให้เราไปทางตามแต่ละคลาส ถ้าเป็น Business Class ก็ไปทางซ้าย ส่วน First Class จะอยู่ทางขวา

เริ่มที่ของกินก่อน เป็นส่วนใหญ่สุด คือในแผนผังจะเห็นว่าห้องใหญ่ตรงกลางคือห้องทานข้าว แล้วมีห้องนั่งเล่นขนาบสองข้าง แต่ในความเป็นจริงมันก็นั่งกินได้หมดแหละ ซึ่งดูจากขนาดที่นั่งทั้งหมดถือว่ากว้างมาก ไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาไหนที่เต็มได้ไหม (คือถึงเป็น First Class แต่จากประสบการณ์ JAL มีผู้โดยสารระดับ Emerald เยอะมากเหมือนกัน เพราะงั้นก็อาจจะเต็มได้ไม่แปลกใจนัก)

ถัดมาเป็นไลน์อาหาร ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ รู้สึกว่าเหมือนกับของฝั่ง Business Class ทุกประการ ที่ชอบเหมือนเดิมก็มีซูชิบอลปลาแซลมอนที่ปลาบางสัส  กับข้าวแกงกะหรี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ JAL และก็อาหารอื่นๆ ทั่วไป ส่วนเครื่องดื่มก็มีอยู่พอสมควร แต่จะไม่ค่อยมีที่เป็นบรรจุมาเท่าไหร่ อย่างน้ำอัดลมหรือแม้แต่เบียร์ก็เป็นตู้กด ซึ่งก็แล้วแต่บางคนอาจจะชอบบางคนอาจจะไม่ชอบแบบนี้

แต่ไลน์อาหารโดยรวมก็ถือว่าเยอะ หลากหลาย และรสชาติค่อนข้างโอเคถ้าเทียบกับที่อื่นหลายๆ ที่ (แต่โดยส่วนตัวก็ยังชอบอาหารที่เลานจ์ Cathay Pacific ที่สุดอยู่ดี)

ที่เป็นไฮไลท์ของฝั่ง First Class ที่เหนือกว่า Business Class หน่อยก็คือ Teppanyaki ที่ทำสดๆ หน้างานตรงนั้นได้ (ถ้าเป็นที่ Narita ไฮไลท์ของ First Class คือซูชิที่ทำสดๆ) โดยเมนูที่เค้าจะทำให้เป็นสเต็กผัดกับผักอะไรสักอย่างดังรูป ซึ่งบอกตรงๆ ว่า… เฉยๆ (เขาจะทำเฉพาะสุกระดับมีเดียมเวลด้วย เข้าใจว่ากลัวเรื่องท้องเสียกลางเวหา)

ต่อมา ก็เป็นส่วนโซนนั่งทำงาน กับมีโซนเก้าอี้นวด อันนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นตามปกติที่เคยเห็นทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษ (รู้มาว่า เมื่อก่อนมีนวดฟรี 10 นาทีแบบคนนวดด้วย แต่เข้าใจว่าคงลดต้นทุนเลยเปลี่ยนเหลือแต่เก้าอี้นวดแทน)

ต่อมาอีกส่วนที่เป็นอะไรที่เฉพาะมากๆ ของที่นี่คือโซนที่เรียกว่า Red Suite โดยเป็นเหมือนห้องแยกที่ตกแต่งอีกแบบไปเลยที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แล้วก็มีของแปลกๆ อย่างโต๊ะเตะบอล กับมีห้องเหล้า/ไวน์ และที่รู้สึกตลกอีกอย่างคือมันจะมีพนักงานขัดรองเท้าในนั้นด้วย เลยยิ่งรู้สึกแปลกๆ ถ้าจะไปอยู่ห้องนั้นแล้วก็มีพนักงานยืนดูเราอยู่ ผลคือไม่มีใครอยู่ในนั้นสักคน เลยงงๆ เหมือนกันว่าตกลงห้องโซนนี้ความตั้งใจของเขาตอนแรกคืออะไร?

สุดท้ายคือห้องอาบน้ำ มาอาบน้ำก่อนจะขึ้นเครื่องเตรียมหลับยาว พอมาถึงก็เลยค้นพบว่า จริงๆ แล้วมันเป็นที่อาบน้ำแชร์กันระหว่างฝั่ง Business Class กับ First Class อยู่ตรงกลาง เพราะฉะนั้นเลยไม่มีอะไรแตกต่างเป็นพิเศษ สำหรับความสะอาด การใช้งานอะไรก็โอเคดีไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่ขัดใจคือรู้สึกว่าเล็กไปหน่อย ยิ่งถ้าเทียบกับของ Qatar ที่ Doha หรือ Cathay Pacific ที่ Hong Kong รู้สึกว่าเล็กกว่ามาก ที่สำคัญ ไม่มีส้วมในนั้น

หลังจากทัวร์อยู่ในเลานจ์สักพัก ก็ห้าทุ่มกว่าๆ ได้เวลาขึ้นเครื่องพอดี ซึ่งรอบนี้ขึ้นที่เกท 113 เลยออกจากเลานจ์มาแล้วเจอเลย

ถ้าให้สรุปก็คือ เป็นเลานจ์ที่ดี ได้เข้าก็แฮปปี้มีความสุขดี แต่ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร คือรู้สึกว่าไปเลานจ์ Business Class ของ Qatar หรือ Cathay Pacific ยังมีอะไรว้าวกว่านี้ เอาเป็นว่าเดือนหน้าจะได้มีโอกาสเข้าเลาน์จ First Class ของ Cathay Pacific ที่ Hong Kong สักที ไว้จะเอามาเขียนอีกรอบ