มาวันที่สอง วันนี้เป้าหมายคือเดินเทรลที่ Dragon’s Back กับไปเช็คอินที่ W Hong Kong แล้วก็ใช้เวลาให้หมดไปอย่างเปล่าประโยชน์
วันนี้เนื่องจากว่าไม่ได้รีบร้อนต้องไปขึ้นเรือแบบเมื่อวาน เลยตื่นสายหน่อย โดยกว่าเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมก็ปาเข้าไปเก้าโมงกว่าๆ แล้ว ทั้งนี้ก็ทิ้งกระเป๋าไว้ค่อยกลับมาเอาอีกที
ทีนี้จริงๆ จะนั่งรถไฟแล้วไปต่อรถบัสไปที่จุดเริ่มก็ได้ แต่เพราะความขี้เกียจ เลยเรียก Uber ไป ค่าเสียหาย HKD144 (ถ้ายอมเหนื่อยใช้ขนส่งสาธารณะจะเหลือไม่เกิน HKD20)

นั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงจุดเริ่มเดินเทรล ซึ่งเป็นป้ายรถบัสจริงจังสวยๆ มีป้ายบอกชัดเจนเลย


ก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ทีแรกคิดว่าจะโหดกว่านี้ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้แย่มาก (คือบนเว็บท่องเที่ยวของฮ่องกงบอกว่าอันนี้ระดับ Difficult เลยไม่แน่ใจว่า นี่คือยากแล้วสำหรับในฮ่องกงใช่มะ?) ใช้เวลาสักประมาณไม่ถึง 1 ชม. ก็มาถึงตรงยอดที่เรียกว่าเป็น Dragon’s Back
เหตุผลที่เขาเรียกว่า Dragon’s Back ก็เพราะมันจะเป็นเทรลเดินขึ้นๆ ลงๆ เหมือนหลังของมังกรจีน (มานึกๆ ดูคล้ายๆ ยอดเขาสันคมมีดที่เขาช้างเผือก แต่อันนั้นโหดกว่าเยอะ)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ทีแรกดูพยากรณ์อากาศเห็นว่ามีเมฆหมอก น่าจะครึ้มๆ เหมือนเมื่อวาน เลยทาครีมกันแดดมานิดเดียว พอมาถึงยอดตรงนี้เท่านั้นแหละ แดดแผดเผาครีมที่ทาไว้ระเหยสลายไปหมด ประเด็นคือ เมฆหมอกทั้งหลายที่ว่า มันกองอยู่ล่างเขา…
ซึ่งการเดิน Dragon’s Back ก็ว้าวสุดแค่ตรงนี้แหละ ที่เหลืออีก 7 กม. ก็เป็นการเดินเทรลปกติ จะประทับใจก็ตรงแค่ว่ามันไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว เพราะมีต้นไม้ตลอด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีจุดโผล่โฉบๆ มาให้ถ่ายรูปวิวความเจริญได้บ้าง
พอเดินไปจนสุดทางแล้ว ก็จะไปจบที่ตรง Big Wave Bay ซึ่งเป็นอีกหาดท่องเที่ยวของฮ่องกง ซึ่งสำหรับคนฮ่องกงกันเองคงเป็นหนึ่งในหาดที่เที่ยวกันมั้ง แต่พอเรามาจากเมืองไทยเลยเฉยๆ ไปเลย สภาพตรงนั้นก็เหมือนเป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ มีร้านอาหาร มีโรงแรมนิดหน่อย
เช่นเดิม มีสรุปทริปในรูปแบบคลิปวิดีโอ (1:36 นาที)
ตอนสุดท้ายเดินย้อนออกมา ก็เจอรถบัสกำลังจะออกพอดี ถือว่าโชคดีเพราะรถบัสมีทุก 40 นาที เลยขึ้นรถบัสแล้วต่อรถไฟกลับไป Ovolo เพื่อเอาของ เพื่อเตรียมไปเช็คอินที่ W Hong Kong อีกที (คราวนี้เสียแค่ HKD18.6)
หลังจากนั่งพักหายเหนื่อยเล็กน้อย ก็เอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วก็ขึ้นรถไฟมาที่สถานี Kowloon และมาเช็คอินที่ W Hong Kong (สำหรับประสบการณ์ของ W Hong Kong จะมีรีวิวแยกมาอีกที


แล้วก็นอนใช้เวลาในโรงแรมให้คุ้ม ตอนเย็นก็ทานข้าวที่ WOOBAR ในโรงแรมเนี่ยแหละ จบ
