เกริ่นก่อนว่าทริปที่เกิดขึ้นเพราะตั๋วถูก และเอาเข้าจริงๆ จนมาถึงแล้วก็ยังไม่ได้แพลนมากว่าจะเที่ยวอะไรยังไงบ้าง สุดท้ายก็ไปนู่นไปนี่ตามมีตามเกิด ดังนั้นโพสต์นี้จึงจะเล่าถึงเรื่องหรือสิ่งต่างๆ ที่ได้ทำแยกเป็นเรื่องๆ ไป ไม่ได้ลำดับเวลาอะไรทั้งนั้น
Jetstar Flights (BKK-MEL)
เรื่องมันเริ่มจากว่า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมันมีโปรโมชั่นของ Jetstar เที่ยวบินตรง BKK-MEL ไปกลับประมาณแปดพันกว่าบาท และบวกเพิ่มแพคเกจรวมนั่นนู่นนี่แล้วได้เป็น 13,087 บาท กอรปกับจะทำให้ได้เที่ยวบินของ Jetstar อีก 2 เที่ยวมาครบเงื่อนไขของ Qantas Frequent Flyer ต่อไปได้อีกปี พร้อมกับรับ 80 Status Credits กับ 15,600 Qantas Points โดยรวมก็รู้สึกว่าไม่เลวสำหรับรูทนี้
พอมาบินจริงๆ แล้วก็พบว่าประสบการณ์โลว์คอสต์ 9 ชั่วโมงนี่มันสุดตีนมาก คือในแพคเสริมที่ซื้อไว้ของเราได้อาหาร ก็ได้แค่มื้อเดียวจากที่มีสองมื้อ ส่วนที่เหลือก็ต้องซื้อเอาหมด ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเตรียมพร้อมให้ดี เอาน้ำเอาขนมติดตัวขึ้นไปสักหน่อย ก็น่าจะรอดไปได้อยู่โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอะไร
อีกเรื่องที่น่าสนใจสำหรับการบิน Jetstar รูท BKK-MEL คือลูกเรือเป็นคนไทยทั้งหมด ทั้งขาไปขากลับ
กับอีกเรื่องเล็กๆ ว่าตอนเข้าประเทศ พาสปอร์ตไทยใช้เครื่องอัตโนมัติได้
Airport Transfer
เรื่องนึงที่แอบแปลกใจเล็กๆ คือ Melbourne ไม่มีรถไฟหรืออะไรพวกนี้เชื่อมระหว่างสนามบินกับตัวเมือง วิธีการเดินทางที่ดีที่สุดคือรถบัส ซึ่งเจ้าใหญ่เจ้านึงเลยคือ Skybus โดยจะมีรถวิ่งระหว่างสนามบินกับสถานี Southern Cross ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักอันหนึ่งในเมือง ค่าโดยสาร AUD 18 ต่อเที่ยวถ้าซื้อออนไลน์ หรือ AUD 19 ถ้าซื้อหน้างาน โดยรถจะออกค่อนข้างถี่ทุกๆ 10 นาทีในช่วงกลางวัน และมีวิ่งตลอดทั้งคืนแต่ความถี่ลดลง
นอกจากเส้นทางหลักแล้ว Skybus ยังมีเส้นทางเสริมย่อยๆ บางส่วน แต่ความถี่จะน้อยกว่ามาก อย่างขามาเนื่องจากนอนที่ Four Points Melbourne Docklands (ซึ่งอยู่ตรง Docklands) ก็จะมีรถอีกสายที่วิ่งจากสนามบินไป Docklands โดยมีค่าโดยสารเท่ากัน
เพื่อให้สะดวก แนะนำว่าให้ซื้อออนไลน์ได้เลย จะได้ตั๋วเป็น QR Code ที่เซฟจอเอาขึ้นรถได้ทันที การซื้อผ่านเว็บสมาชิก Velocity ของ Virgin Australia สะสมคะแนนได้ 100 Velocity Points ต่อเที่ยว หรือ 250 Velocity Points สำหรับซื้อแบบไปกลับ
Philip Island
เกาะ Philip Island จะเป็นเกาะที่อยู่ทางใต้ของ Melbourne ใช้เวลาขับรถประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงโดยประมาณ ตรงนี้จะมีชื่อเรื่อง Penguin Parade ที่ตอนเย็นๆ หลังพระอาทิตย์ตกจะมีฝูงเพนกวินกลับบ้านจากทะเล ก็จะมีคนมารอดูกัน แต่ว่าที่ไปรอบนี้ไม่ได้ไปดูเพนกวิน แต่มาเดินเล่นรอบเกาะแทน
โดยครั้งนี้ซื้อทัวร์จาก Hike & Seek ผ่าน Airbnb ราคา 4,458 บาท โดยจะรวมการเดินทางทั้งหมดไปกลับจาก Melbourne และทัวร์ไกด์ จุดขายอันแรกเลยคือรถ Volkswagen แบบโบราณหน่อยๆ ที่ใช้ในการเดินทาง โดยคันนี้ไกด์บอกว่าชื่อ Olivia เพราะสีมะกอก
โดยรวมก็น่าประทับใจมาก ไกด์ก็เฟรนลี่ แถมมีขนม ผลไม้ ชากาแฟอะไรให้ทานตลอดทาง โดยรูทที่ไปไฮค์จะเป็นทางเดินรอบเกาะ โดยจะมีทั้งส่วนที่เป็นริมหาด และส่วนที่เป็นบนเขา ซึ่งวิวต่างๆ ที่ดูตลอดทางนี่เจ๋งมาก อากาศก็เย็นสบาย จะมีปัญหาก็แค่แดดแรงมาก
ตลอดทางก็จะเป็นวิวทะเลเป็นส่วนใหญ่ เอาว่าอธิบายไปก็ไม่รู้จะอธิบายอะไร เอาภาพและวิดีโอไปเลยทีเดียว จบ
ส่วนมื้อกลางวันเขาจะพาไปทานร้านอาหารมังสวิรัติร้านหนึ่ง โดยจานหลักจะรวมอยู่ในค่าทัวร์ แต่ถ้าจะสั่งอาหารอะไรเพิ่มหรือเครื่องดื่มก็ต้องรับผิดชอบเอง สุดท้ายก็เลือก Beef’less Burger ซึ่งเป็นเบอร์เกอร์เนื้อที่เอาอย่างอื่นมาทำเนื้อแทน กับสั่ง Choco-banana Smoothie ไป
สำหรับเบอร์เกอร์ที่บอกเลยว่าอร่อยมาก (หรือเดินเหนื่อยไม่รู้) แต่ว่าเนื้อปลอมเนี่ย ถ้าไม่บอกก็คงไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากินเนื้อปลอมอยู่
Australian Centre of Moving Image (ACMI)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ แต่ก็ไม่ได้แคบแค่ภาพยนตร์ แต่รวมไปถึงอะไรก็ตามที่ภาพมันเคลื่อนที่ (ตามชื่อ) ดังนั้นก็เลยจะไปถึงเรื่องพวกวิทยุโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่วิดีโอเกมด้วย ซึ่งตัวนิทรรศการส่วนเข้าฟรีจริงๆ แล้วไม่ใหญ่ แต่ถ้าตั้งใจไล่ดูไปจริงๆ มีความรู้ที่น่าสนใจเยอะมาก อย่างจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เกิดจากของเล่นที่เป็นกล้องเอาตาส่องแล้วหมุนๆ ให้ภาพมันต่อๆ กัน จนมีคนคิดว่าน่าจะหาวิธีถ่ายรูปหลายๆ รูปต่อกันเอามาเป็นวิดีโออะไรแบบนี้ จนหลังจากนั้นก็มีปัญหาต่อๆ มาว่าแล้วเรื่องเสียงทำอย่างไร ภาพสีทำอย่างไร ต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ อะไรแบบนี้
ที่สนุกอย่างนึงคือมันมีตู้ที่ให้เราเข้าไปลองทำท่าอะไรก็ได้ แล้วมันจะถ่ายรูปเราด้วยกล้องรอบๆ กล่องนั้นแล้วเอามาต่อกันเป็นวิดีโอ ซึ่งเป็นเทคนิกเดียวกับที่พวกฉากที่เหมือนกล้องหมุนๆ รอบคนเล่นแบบเร็วมากๆ ใน The Matrix ใช้ พอถ่ายเสร็จก็ให้มันส่งอีเมลเข้ามาให้เราได้
National Gallery of Victoria
เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เข้าชมฟรีเช่นเดียวกัน อันนี้คิดว่าคงเป็นเรื่องของปัจเจกว่าใครจะชอบไม่ชอบอะไรแบบไหน แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าอัตราส่วนของงานศิลปะที่ถูกจริตตัวเองมีเยอะพอสมควรที่นี่
Sightseeing
นอกนั้นก็เป็นการเดินดูเมืองทั่วไป ไม่ได้มีเหตุการหรือความประทับใจอะไรเป็นพิเศษ เอารูปมาแปะๆ แชร์ให้ดูแล้วกัน
Food
เรื่องนึงเลยที่ประทับใจ Melbourne มากคืออาหาร คือเนื่องจากมันเป็นเมืองที่มิกซ์กันมากระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกกับตะวันตก มันเลยมีอาหารให้เลือกหลากหลายรูปแบบมาก และอาหารหลายๆ อย่างก็จะเป็นในรูปแบบที่มีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่ติดว่าต้องกินอะไรที่ต้นฉบับ หรือชอบอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เลยน่าจะยิ่งชอบเป็นพิเศษ
Free Tram
ความเจ๋งอีกอย่างใน Melbourne คือ ตรงกลางเมือง (หรือที่เรียกกันว่า CBD) เป็นโซนที่ใครก็สามารถนั่งรถรางฟรีได้ ไม่ต้องมีบัตร ไม่ต้องอะไรทั้งนั้น ขึ้นได้เลยทุกสาย ตราบใดที่เราลงในที่ๆ ไม่เลย Free Tram Zone เช่นเดียวกัน
เพราะงั้นการเดินเที่ยวในเมืองไปที่ต่างๆ เลยประหยัดเงินไปได้โขอีกต่างหาก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ใหญ่ๆ ก็อยู่ในโซนนี้หมด หรืออย่างมากก็เดินออกไปอีกนิดหน่อยที่ไม่ไกลเกินไป
สำคัญว่า อย่าไปเผลอจองโรงแรมที่อยู่นอก Free Tram Zone ล่ะ
อื่นๆ
นอกเหนือจากนี้ก็มีเรื่องของโรงแรมที่พัก Four Points Melbourne Docklands กับเลานจ์ Qantas First Class Lounge Melbourne ที่ MEL ก่อนกลับ (จะมาเขียนเพิ่มอีกที)
สรุป
โดยรวมรู้สึกประทับใจกับ Melbourne มาก และรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาอีก น่าจะใช้เวลาได้อีกสักพักใหญ่ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษเลยก็คงเป็นบรรยากาศ ความสะดวกสบายในการเดินทาง และอาหาร ฮา…
ถ้าให้สรุป Melbourne ในหนึ่งภาพก็จะบอกว่า…
Zerothman 