ทริปนี้เป็นทริปมาที่มาแบบงงๆ ไม่มีเป้าหมายอะไรมาก เพราะน่าจะเกิดจากการอยากจองตั๋ว Royal First ของการบินไทยที่ทำให้ได้รูทนี้ขึ้นมา แผนการเที่ยวต่างๆ ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนวินาทีสุดท้าย และบางอย่างก็พลาดไปอย่างน่าเสียดายเพราะไม่ได้วางแผนมาให้ดี

เพราะงั้นบันทึกของรอบนี้จะขอทำเป็นหัวข้อๆ ตามประเด็น ไม่ได้เรียงตามเวลา เพราะหลายๆ อย่างมันก็มั่วๆ มาตลอด

JR Green Car

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้นั่ง Green Car ของ JR หนึ่งเลยคือเพราะอยากลองให้รู้ และเห็นว่าครั้งนี้น่าจะคุ้มเพราะต้องนั่ง Shinkansen เยอะและนานเป็นพิเศษ ถ้าให้สรุปข้อสังเกตสำหรับใครที่พิจารณาจะซื้อ JR Pass แบบ Green Car ก็ขอเอาตามต่อไปนี้

ที่นั่ง

ที่นั่งกว้างขวางกว่า และเอนได้มากกว่า อันนี้จริง แต่สุดท้ายรถไฟแต่ละขบวนแต่ละสายก็ยังทำแตกต่างกันอยู่ดี ไม่ได้มีมาตรฐานที่ตายตัวอะไร และเนื่องจากรถไฟญี่ปุ่นแบบธรรมดามันก็นับว่าดีมากอยู่แล้วกับมาตรฐานโลก ดังนั้นความคุ้มของที่นั่งกับราคาที่เพิ่มขึ้นคงไม่ได้มากขนาดนั้น

แต่ถ้าถามส่วนตัว คิดว่าไม่เสียดายเงินที่จ่าย และคิดว่าในอนาคตถ้าจะต้องนั่งรถไฟเยอะเท่ารอบนี้ ก็คงพิจารณาซื้อแบบ Green Car อีก

ที่นั่ง Green Car จาก Hakata ไป Huis Ten Bosch โดยนั่งไปคนเดียวเลย

อีกเรื่องหนึ่งที่สังเกตได้คือส่วนใหญ่คนจะน้อยกว่า สงบกว่า และเงียบกว่าในรถคันที่เป็น Green Car ซึ่งสังเกตได้ว่าคนนั่งด้วยส่วนใหญ่จะมีแต่คนญี่ปุ่น ไม่มีนักท่องเที่ยวด้วยกันเท่าไหร่

บริการ

อันนี้แตกต่างกันไป ถ้าเป็น Shinkansen ที่นั่งจะมีเจ้าหน้าที่มาแจกผ้าเย็นให้เราตอนเพิ่งขึ้น (เค้าจะมีโพยว่าสถานีไหนมาผู้โดยสารขึ้นใหม่ที่นั่งไหนบ้าง) กับเจ้าหน้าที่จะคอยเดินเก็บขยะตอนก่อนจอดแต่ละสถานี คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร และถ้าจะซื้อ Green Car ในอนาคตก็คงไม่ใช่เหตุผลนี้

การจอง

พบว่าแทบไม่มีปัญหาใดๆ กับการจอง แม้ว่าจะเป็นการจองที่นั่งวินาทีสุดท้ายแค่ไหน และเนื่องจากรถค่อนข้างโล่ง โอกาสจะสูงมากที่คนข้างหลังเราจะไม่มี ทำให้เราสบายใจที่จะเอนหลังสุดแบบไม่เกรงใจใคร และส่วนใหญ่เวลาจองที่จะสังเกตได้ว่าเค้าจะพยายามกระจายคนให้เราอยู่แล้ว

Narita Express แบบ Green Car

เป็นข้อมูล ราคา JR Pass 7 วันแบบ Ordinary ราคาจะอยู่ประมาณ 8,000 กว่าบาท ในขณะที่แบบ Green จะเป็น 11,000 กว่าบาท ก็คือแพงขึ้น 3,000 กว่าบาท

Takayama

รอบนี้ทีแรกตั้งใจว่าจะเที่ยว Kyushu ยาวๆ ไปเลย ปรากฎดูแผนการไปมาแล้วรู้สึกว่าเร่งไปนิดนึง กอปรกับบังเอิญเพื่อนคนญี่ปุ่นที่อยู่ Gifu ชวนให้แวะเที่ยวแถบนั้น เลยมีการเปลี่ยนแผนกระทันหันไปเที่ยวที่ Takayama หนึ่งคืนแทน

IMG_6922

การเดินทาง Takayama สามารถนั่งรถไฟ JR จาก Nagoya ไปได้โดยจะมีรถด่วนผ่านไปตามเมืองใหญ่ๆ โซนนั้นไล่ไป นั่งรถประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่ Takayama

IMG_6921

IMG_6924

IMG_6927

IMG_6929

IMG_6936

IMG_6932

IMG_6938

Takayama เป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ และเนื่องจากมีเวลาแค่คืนเดียว จึงไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากหาของกิน โดยเน้นที่เนื้อฮิดะที่เป็นของขึ้นชื่อแถวนั้น มื้อกลางวันกินเป็นทงคัทสึเนื้อฮิดะ และเย็นเป็นซูชิเนื้อฮิดะ เป็นครั้งแรกที่ได้กินเนื้อดิบ (ก่อนหน้านี้เคยกินแต่เนื้อเกือบดิบ)

สรุป ชอบบรรยากาศของเมือง และคิดว่าอยากมาเที่ยวแบบจริงๆ จังๆ มากกว่านี้ ข้อสังเกตอีกอย่างคือ คนไทยเยอะจัง

Fukuoka

ครั้งนี้ได้กลับมาที่ Fukuoka อีกเป็นครั้งที่สอง มานึกดูเล่นๆ ก็พบว่าครั้งที่แล้วที่มาคือตอนมาประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้วเลย

IMG_6953

ในแวบแรกที่มาถึงรู้สึกอย่างแรกเลยว่า เมืองดูพลุกพล่านขึ้นมาก ตั้งแต่ตอนขึ้นสถานีมา ก็รู้สึกเลยว่าสถานี Hakata ดูใหม่ ทันสมัย และคนเยอะกว่าครั้งที่แล้วมาก

IMG_6955

มีโอกาสได้ไป Canal City เป็นห้างเปิดใหม่ และดูชัดมากว่าพยายามทำนั่นนี่ให้คนมาห้าง มีโชว์น้ำพุ แสงสีอะไรพวกนี้ ได้เห็นหิมะปลอมเปลือกที่นี่ด้วย

IMG_6967

นอกจากนี้ตอนแรกกแพลนที่จะไปเกาะแมว Ainoshima แต่พลาดตรงที่ไม่ยอมดูตารางเวลาเรือข้ามไปเกาะให้ดีๆ ก่อน แผนการเลยพังทลายไม่ได้ไป (ไว้คราวหน้าก็ได้ เชอะ) เลยเอาเวลาสองสามชั่วโมงตรงนี้ไปเดินเที่ยวเล่นแทน

Huis Ten Bosch

เป็นธีมปาร์คสไตล์เนเธอร์แลนด์ที่มีมานานมากแล้ว (แต่ก็เพิ่งรู้ว่ามีเนี่ยแหละ) ไปรู้จักมาก็ตอนที่เห็นใน Klook และตัดสินใจซื้อเพราะเป็นเหยื่อการตลาดของ Klook

การเดินทางไป Huis Ten Bosch จะมีรถไฟพิเศษวิ่งตรงจาก Hakata (Fukuoka) โดยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ซึ่งเป็นรถไฟของ JR จึงสามารถใช้ JR Pass ได้

IMG_6993

IMG_6998

IMG_7007

ธีมปาร์คนี้ไม่ได้มีเครื่องเล่นเยอะมากเท่าไหร่ แต่มีร้านค้าเยอะมาก และเหมือนว่าความเอ็นจอยที่ได้จะมาจากการเดินรับบรรยากาศเสียมากกว่า โดยเขาพยามตกแต่งให้เป็นแนวยุโรปจริงๆ และถ้ามาตรงฤดูจะมีทุ่งทิวลิปด้วย

IMG_7016

IMG_7020

IMG_7014

IMG_7003

IMG_7026

IMG_7018

เครื่องเล่นแปลกๆ ที่ได้เล่นมีรถไฟเหาะ VR แบบสวมหัวแล้วหลอกให้เหมือนรถมันวิ่งไปจริงๆ แต่จริงๆ ไม่ได้ไปไหน และเกมที่ชื่อ Bahamut Disco เป็นมิวสิกเกมที่เล่นพร้อมกันได้สูงสุด 4 คน จะเข้าไปในห้องที่มีจอสี่ด้าน เราจะถือไม้คนละสี และต้องเขย่าไม้ให้ตรงจังหวะสีของเรา พร้อมกับหันหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องตามจอ ซึ่งสี่คนก็จะไม่เหมือนกันและต้องหมุนไปมา ถือว่าเป็นของแปลก และเห็นชื่อแบบนี้ก็แน่นอน โดย Square Enix

IMG_7005

IMG_7051

IMG_7054

กับอีกอย่างที่โดนใจเป็นการส่วนตัว คือ Game Museum ที่มีนั่นนี่เกี่ยวกับเกม ไม่ได้ใหญ่มากเท่านิทรรศการที่เคยดูมาในเมลเบิร์น แต่ก็พอว้าวอยู่ ที่สำคัญมีร้านขายของที่ระลึก Final Fantasy

IMG_7031

IMG_7030

IMG_7032

IMG_7041

แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์ของฤดูกาลนี้คือไฟ และเหมือนว่าคนจะมากันเยอะมากเฉพาะช่วงกลางคืน จะมีโชว์น้ำพุไฟ และพาเหรดเรือไฟตามคลอง ซึ่งบอกตรงๆ ว่าทนหนาวไม่ไหว เลยตัดสินใจอยู่ถึงแค่โพล้เพล้ดูไฟตามสวนแล้วกลับเลย

IMG_7058

IMG_7069

IMG_7057

IMG_7066

สรุป คิดว่ามาชิลๆ ได้ แต่ถ้ามามาบ่ายพอ มาแต่เช้าน่าจะเบื่อไป

สรุป

การมาครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่า คราวหน้าต้องวางแผนเที่ยวให้รัดกุมแล้วจะได้ไม่ได้เหมือนมาผลาญเวลาหายไปเฉยๆ แบบนี้ แต่ก็ทำให้ inspire มีแรงบันดาลใจที่จะสร้างทริปขึ้นมาเหมือนกัน เล็ง Nagasaki กับ Takayama ไว้เรียบร้อย

ส่วนอีกอย่างในทริปนี้ที่คงแยกโพสต์ คือรีวิวโรงแรม The Prince Gallery Tokyo Kioicho รอติดตามอีกที

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s