เริ่มต้นทุกคนตื่นได้เช้ามากเพราะว่าเวลาตุรกีเร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง เลยออกมาเดินเล่นริมน้ำถ่ายรูปกันเหมือนเดิมแต่คราวนี้ไม่มีคนมากมายมาขวางวิวเหมือนเมื่อวานตอนเย็น ก่อนที่จะกลับไปทานข้าวที่โรงแรม และรอจั่นเจาที่เพิ่งเดินทางถึงอิสตันบูลเช้านี้มารวมกลุ่มกันตอนประมาณ 9 โมงเช้า
พอจั่นเจามาถึงที่โรงแรม พวกเราก็รีบเหาะไปที่ย่านเมืองเก่า (ที่มี Hagia Sophia) เพื่อเข้าร่วมทัวร์ความยาว 4 ชั่วโมงที่จะรวมสถานที่เด่นๆ ในโซนนั้นตั้งแต่ Hagia Sophia ไปจนถึง Grand Bazaar ซึ่งสุดท้ายทุกคนรู้สึกเห็นตรงกันมากว่าคิดถูกที่ซื้อทัวร์ให้มีไกด์พาดู เพราะไม่งั้นก็ไม่รู้จะเริ่มจากไหนไปไหนยังไง และคงไม่ได้เกร็ดความรู้หลายๆ อย่างเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ว่ามันคืออะไรยังไงในประวัติศาสตร์
แต่บอกตรงๆ จำค่อยได้ ไม่ได้ตั้งใจฟังมากเพราะไม่อิน กับอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะไม่ชอบคนเยอะ คือคนมันเยอะมาก ฮา… อยากรู้ไปถามคนอื่น






แต่มีประเด็นนิดนึงตรง Grand Bazaar ว่าเราไปซื้อขนมกันร้านนึงที่คนขายพูดไทยเก่งมาก สุดท้ายโดนกันไปคนละกล่องสองกล่อง แต่ขนมมันก็อร่อยจริงๆ นะ หรือตอนนั้นหิวไม่รู้ ฮา…
หลังจากนั้นก็ตัดสินใจแยกกันเป็นสองกลุ่ม เพราะว่ากอล์ฟ ปลั๊ก โอ๊ตอยากจะช็อปปิ้งต่อ แต่ฉัน จั่นเจา และแครอลอยากกลับโรงแรมไปนอน ประเด็นมันก็เลยเกิดขึ้นตรงนี้
คือต้องเข้าใจก่อนว่า อิสตันบูลก็คือกรุงเทพที่อากาศเย็น หมายความว่าปัญหาหลายๆ อย่างที่กรุงเทพฯ มี อิสตันบูลก็มีเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือปัญหารถติด ซึ่งรถติดก็จะนำไปสู่การที่ทำให้แท็กซี่เหี้ย คือแม้ว่าเราจะเรียกและจ่ายเงินผ่าน Uber แต่ว่า Uber ที่นี่ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น แท็กซี่หรือคนนั่งสามารถกดยกเลิกตอนไหนก็ได้ แต่เป็นปกติมากที่แท็กซี่ที่กดรับงานใน Uber แล้วจะเมสเสจมาถามก่อนว่าเราจะไปไหน และอาจจะมีการเรียกเงินเพิ่มเติม
ซึ่งในวันนั้นจังหวะที่จะกลับอาจจะเป็นช่วงที่รถติดเป็นพิเศษพอดี ทุกครั้งที่เรียก Uber เลยถูกเรียกเงินเยอะมากตลอด ส่วนใหญ่จะเป็นประมาณ 500 TRY สูงสุดที่เจอคือ 30 EUR สุดท้ายตอนที่กำลังจะถอดใจ ก็ตั้งเป้ากันเล่นๆ ว่าเราจะยอมจ่ายถึงสัก 300 TRY จะได้จบๆ ให้ถึงโรงแรม จนจั่นเจาเผลอเรียก Uber ได้คันนึง แล้วปรากฎเขาก็ยอมไปโดยที่ไม่ได้เรียกเงินเพิ่มตอนแรก
จนนั่งไปสักพัก เราก็เพิ่งสังเกตว่า เอ๊ะ เขาไม่ได้กดมิเตอร์ แต่ตอนนั้นก็ยังปล่อยเลยตามเลยไปอยู่ จนกระทั่งอยู่ดีๆ เค้าก็บอกว่า ไปถึงโรงแรมเนี่ยมันต้องอ้อมแล้วรถติดมาก ขอไปส่งตรงปราสาทใกล้ๆ โรงแรมที่อยู่ในระยะที่เดินไปโรงแรมแทนได้ไหม เราก็ตกลง
ปรากฎว่าพอเค้าขับมาถึงจุดที่อยู่ในระยะเดินของปราสาทนั้น (ซึ่งแน่นอนว่าไม่อยู่ในระยะเดินของโรงแรม) อยู่ดีๆ ก็จะปล่อยเราลงตรงนี้ พลังสู้คนของคุณณัชก็ทำงานขึ้นมาทันที (ในขณะที่จั่นเจากับแครอลนั่งอึ้งกันอยู่ข้างหลังสองคน) ก็เลยเริ่มเถียงกลับไปว่าถ้าจะไปส่งให้ถึงปราสาทก็ต้องเอาให้ถึงปราสาทเลย จะมาเอาถึงระยะเดินไม่ได้ แต่ฝั่งนั้นก็ทำงงๆ แล้วก็บอกว่าคุยภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นก็เลยถามว่าถ้าลงตรงนี้จะเก็บเท่าไหร่ เขาตอบกลับมาว่า 150 TRY แล้วก็เลยถามต่อว่าแล้วถ้าจะให้ถึงโรงแรมจะเอาเท่าไหร่ เขาก็บอก 400 TRY ตอนนั้นก็เลยบอกกลับไปว่าให้เลือกว่าจะให้ลงตรงนี้เอา 100 TRY หรือจะไปส่งโรงแรม 300 TRY ตอนแรกเขาก็ยังพยายามจะเถียงๆ เอา 400 สักพักลดเหลือ 350 แต่ทุกครั้งเราก็ตะโกนใส่หน้ากลับไปว่า 300 จนเข้าใจว่าทางนั้นก็เริ่มงงด้วยแล้วเหมือนกันเจอนักท่องเที่ยวสู้กลับ สุดท้ายก็เลยเหมือนยอมจำนนจะไปส่งในราคา 300 TRY
สุดท้ายเขาก็เลยต้องขับฝ่ารถติดไปเรื่อยๆ ท่าทางดูหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เราก็ทำไม่สนใจ วูบหลับไปด้วยบางที จนถึงจุดนึงที่จริงๆ แล้วมันเป็นหัวมุมวันเวย์ที่แบบจริงๆ แล้วถ้าเราลงตรงนี้จะเดินไปนิดเดียวมากๆ ถึงโรงแรมเลย และเขาก็เหมือนหยุดรถพูดๆ ขึ้นมานิดนึง แต่เราก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ในมือถือเงิน 300 TRY เอาไว้ สุดท้ายเขาก็เลยต้องขับวนอ้อมไปจนให้ถึงหน้าโรงแรมเป๊ะๆ ให้เราลง เป็นการจบประสบการณ์สู้กับแท็กซี่ที่อิสตันบูล
จากนั้นก็มานอนพักผ่อนที่โรงแรม จนกระทั้งที่กลุ่มนึงกลับมาถึง แล้วเลยพาจั่นเจากับแครอลไปลองทานหอยแมลงภู่ Midye ในตำนานร้านเดิม ก่อนที่จะไปซื้อเค้กที่ร้าน BBLOK ใกล้ๆ โรงแรม แล้วเอากลับไปนั่งทานกับเครื่องดื่มที่สั่งที่ W ก่อนที่จะจบวันด้วยการแยกย้ายไปนอน