มาถึงวันที่สอง วันนี้มีแพลนที่จะไป Old State House, Old South Meeting House และ Institute of Contemporary Art สามที่ โดยจะผจญภัยใช้จักรยาน Blue Bike ของที่นี่ดู แต่ก่อนอื่นต้องอธิบายถึงแพลนเวลาชีวิตในแต่ละวันโดยคร่าวก่อน
คือต้องบอกก่อนว่าอยู่ที่นี่เนี่ย จะพยายามใช้ชีวิตให้เวลาไม่ต่างจากตอนอยู่ไทยมากเพราะว่าอยู่ไม่นาน ถ้ามาปรับเวลาให้เป็นที่นี่แล้วเดี๋ยวกลับไปก็ต้องเสียเวลาปรับอีก ตารางเวลาชีวิตในแต่ละวันเลยจะเป็นประมาณนี้ให้เห็นภาพ
กิจกรรม | เวลา BOS | เวลา BKK |
---|---|---|
ตื่น / ทำงาน | 20:00 – 06:00 | 07:00 – 17:00 |
วิ่ง | 06:00 – 08:00 | 17:00 – 19:00 |
เที่ยว | 08:00 – 14:00 | 19:00 – 01:00 |
นอน | 14:00 – 20:00 | 01:00 – 07:00 |
เพราะงั้นด้วยแพลนแบบนี้ ก็จะยังสามารถเที่ยวได้ประมาณนึง งานก็ยังทำได้ และไม่ต้องปรับเวลาชีวิตแต่อย่างใด เป็น Khun Van’s Work/Life Balance ที่แท้ทรู
เพราะงั้นวันนี้พอตื่นก็ออกไปหาอะไรทาน แต่ปรากฎตามสไตล์โลกตะวันตกร้านจะปิดเร็วเกือบหมดแล้ว สุดท้ายได้ไก่ทอดมาร้านนึง ก็อร่อยดี แล้วก็ทำงานจนถึงประมาณ 7 โมงเช้าแล้วถึงออกไปวิ่งที่สวน Boston Common ในระยะเดิน ตอนแรกก็กลัวว่าจะหนาวเหมือนกันแต่ปรากฎว่าพอวิ่งๆ ไปแล้วก็กำลังดี ที่ชอบคือมีคนพาหมาออกมาเดินออกมาเล่นที่สวนเยอะมากเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็กลับมาอาบน้ำ แต่งตัว ทานไก่ที่เหลือนิดนึง แล้วก็จะออกไปที่ Old State House กับ Old South Meeting House โดยจะเปิดการประเดิมขี่จักรยานด้วย Blue Bike เป็นครั้งแรก
ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับการขี่จักรยานในเมืองมาก เพราะที่ไทยก็ไม่เคยขี่มาถนนใหญ่อะไร ส่วนที่อื่นก็ไม่ค่อยเคย เคยแต่ขี่ตามนอกเมืองอะไรแบบนี้ เลยค่อนข้างลุ้นๆ ว่าจะขี่ได้ไหม แต่สุดท้ายก็คิดว่าน่าจะพอไหวเพราะว่ากฎหมายที่ Boston อนุญาตให้ขี่บนทางเท้าได้ และช่องจักรยานตามถนนก็มีอยู่เยอะพอสมควรเหมือนกัน
เพราะงั้นพูดถึง Blue Bike ก่อน คือถ้าปกติเนี่ยจะมีราคาแบบทริปละ $2.95 ไม่เกิน 30 นาที หรือแบบวันละ $10 เหรียญ ครั้งละไม่เกิน 120 นาที แต่ว่าพอดีจังหวะที่มามันมีโปรโมชั่นให้สมัครรายเดือนฟรี 1 เดือนพอดี เลยกลายเป็นได้ใช้ฟรียาวๆ ในทริปรอบนี้
สำหรับวิธีการใช้ ก่อนอื่นก็ต้องวางแผนการเดินทางว่าจากที่เราอยู่ไปถึงที่หมาย มันมีจุดจอดจักรยานตรงไหน ซึ่งเราสามารถกดที่หมายที่เราอยากไปในแอปได้เลยเพื่อให้มันช่วยหาเส้นทาง
หลังจากนั้นพอเราไปที่จุดจอด เราก็กด Unlock a Bike แล้วแอปมันก็จะแสดงรหัสให้เราเอาไปกด โดยรหัสจะเป็นเลข 1, 2, 3 ห้าหลัก
เสร็จแล้วพอเอาจักรยานออกมา ก็เอาไปขี่ได้ตามปกติ แล้วพอขี่เสร็จแล้ว ก็แค่เอาไปเสียบที่จุดจอด ระบบก็จะบันทึกการคืนแล้วส่งโนติฯ เข้าแอปเราทันทีว่าเรียบร้อยแล้ว (หรือถ้าเสียบไม่เรียบร้อย ไม่แน่นอะไรแบบนี้แอปก็จะเตือนเหมือนกัน)
นอกจากนี้ถ้าเราเอาจักรยานจากจุดจอดที่มีจักรยานเต็มแล้ว หรือว่าเอาจักรยานไปคืนที่จุดที่จักรยานเกือบหมด จะได้คะแนนที่เรียกว่า Bike Angel Points เอาไว้ไปแลกของรางวัลได้ เป็นระบบเพื่อจูงใจให้คนคอยพยายามเอาจักรยานหมุนเวียนไปในที่ๆ ควรไป
ส่วนการขี่โดยรวมก็ง่ายกว่าที่คิด เพราะรถก็จะระวังเรา นอกจากนี้ก็ยังมีเลนจักรยานเยอะมาก (แต่ก็ไม่ทุกเส้น) กับตรงไหนถ้ารู้สึกไม่มั่นใจจริงๆ ก็ไปขี่บนทางเท้าได้ เงื่อนไขคือแค่ว่าห้ามเร็วและต้องหลบให้คนเดินเสมอ
สำหรับจุดหมายแรกคือ Old State House เป็นที่ทำการของรัฐตั้งแต่สมัยเป็นพื้นที่ของอังกฤษ ไปจนถึงช่วงที่แยกกับอังกฤษ ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นตรงนี้คือ Boston Massacre เมื่อเดือนมีนาคม 1770 ที่ทหารอังกฤษปืนลั่นใส่ผู้ชุมนุมประท้วงทางรัฐบาลอังกฤษจนเกิดเหตุวุ่นวาย และมีคนเสียชีวิต 5 คน จนทำให้คนยิ่งไม่พอใจทางการอังกฤษ
สำหรับใน Old State House เนื้อหาข้างในจะเกี่ยวกับประวัติของเมือง Boston โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองและการเปลี่ยนผ่านจากการขึ้นกับอังกฤษมาเป็นประเทศ ซึ่งบอกตรงๆ เลยว่าไม่อิน ดูแบบผ่านๆ ไปสุดๆ








มีนิดนึงคือจุดที่มีเรื่องเกี่ยวกับ Queen Elizabeth ก็มีป้ายที่เหมือนเพิ่งทำมาเปลี่ยนร้อนๆ ให้มีปีสวรรคตเป็น 2022 แล้ว
ต่อมาก็ไปที่ Old South Meeting House เป็นโบสถ์ที่ถูกใช้เป็นเหมือนที่ประชุมของชาวอาณานิคม และรวมถึงการประชุมสำคัญ Boston Tea Party ที่เป็นการประท้วงรัฐบาลอังกฤษสมัยนั้นเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีชาให้ East Indian Company ในการนำเข้าชาจากจีนมาอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในชนวนที่ทำให้คนไม่พอใจและนำไปสู่การแยกตัวจากอังกฤษในเวลาต่อมา


ต่อมาก็ไปที่ Institute of Contemporary Art ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (เป็นอะไรที่ตรงจริตแล้วไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เป็นเรื่องประวัติศาสตร์) แต่ความน่าเสียดายคือมาตอนมันปิดปรับปรุงนิทรรศการพอดี เลยมีเปิดอยู่แค่ไม่ถึงครึ่ง เดินครึ่งชั่วโมงก็ดูครบแล้ว









หลังจากนั้นก็ขี่จักรยานกลับมาแถวโรงแรม เดินแวะผ่าน China Town ซื้อชานมไข่มุก แล้วจึงกลับโรงแรม อาบน้ำ นอน จบวันที่ 2

