มาถึงวันที่ 3 ของทริป วันนี้เห็นพยากรณ์อากาศเตือนมานานแล้วว่าฝนจะตก แต่ก็คิดว่าเออไม่น่าเป็นอะไรมาก และก็แพลนว่าจะไปพิพิธภัณฑ์เป็นหลักอยู่แล้วเลยคิดว่าน่าจะไม่เป็นไร ปรากฎว่าคิดผิด
แต่ก่อนอื่นเริ่มจากตอนเช้า วันนี้อากาศอุ่นกว่าเมื่อวาน เลยตัดสินใจว่าจะลองเดินเลยขึ้นไปทางเหนืออีกหน่อยแทนที่จะวิ่งที่สวน Boston Commons ย้ายขึ้นไปวิ่งตรงสวนริมแม่น้ำแทน
ก็เป็นบรรยากาศการวิ่งที่ดีกว่าที่สวน Boston Commons มาก แล้วก็พบว่ามีคนวิ่งเยอะเหมือนกัน มีคนพาหมามาวิ่งด้วย เจ๋งตรงที่ไม่ได้มีเชือกจูงแต่มันก็วิ่งกับเจ้าของตลอดเลย



หลังจากนั้นก็กลับมาที่โรงแรม อาบน้ำ ทานอะไรนิดหน่อย แล้วก็เตรียมออกไปข้างนอก
เดิมตั้งใจว่าวันนี้จะไป Mapparium แล้วตามด้วย Museum of Fine Arts ก่อนที่จะกลับมาทัวร์ฟรีสวน Boston Commons ตอนสี่โมงเย็น
สำหรับที่แรกก็คิดว่าจะขี่จักรยานไป แต่ปรากฎว่าฝนตกแล้ว เลยต้องนั่งรถบัสไปแทน ซึ่งก็ประมาทฝนไปจริงๆ ทีแรกคิดว่าแค่ยืมร่มโรงแรมไปน่าจะพอ ปรากฎว่าฝนตกก็เรื่องนึง แต่ลมแรงมาก! เลยทำให้สุดท้ายกางร่มไปฝนก็สาดมาโดนอยู่ดี แล้วประเด็นคือที่จะไปต้องมีต่อรถบัส แล้วจุดที่ต่อดันไม่มีที่หลบฝนใดๆ เสียด้วย เคราะห์ซ้ำคือรถบัสมาสาย ต้องยืนรอกลางฝนอยู่ประมาณ 30 นาที สรุปคือรองเท้ากับกางเกงเน่าไปหมด
แต่อย่างนึงที่ดีและแม่นมากคือข้อมูลฝนตก มันบอกละเอียดเลยว่าตกมากตกน้อยตอนไหน แล้วพอหยุดก็หยุดจริงๆ แบบในเวลาที่ใกล้เคียงของจริงมาก ไม่ได้ดูได้แค่เป็น % แบบตอนอยู่ที่ไทย
หลังจากเดินทางมาอย่างโชกไปทั้งขา ก็มาถึงที่ Mapparium ซึ่งเป็นลูกโลกที่ทำจากกระจกสี (stained glass) แบบที่เห็นบ่อยๆ กันในโบสถ์ มีขนาดประมาณ 10 เมตรโดยที่เราต้องเข้าไปดูจากข้างใน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1935 ซึ่งหมายความว่าแผนที่ในนั้นก็จะเป็นแผนที่โลกตั้งแต่ปีนั้นที่อาจจะยังไม่มีประเทศอะไร หรือมีประเทศอะไรที่หายไปแล้ว โดยการเข้าไปจะต้องเข้าไปเป็นรอบๆ และจะมีเสียงและดนตรีประกอบความยาวประมาณ 10 นาที โดยไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปหรือวิดีโอในนั้น

ซึ่งตัว Mapparium นี้อยู่ใน Christian Science Publishing Society โดยมีค่าเข้า $6 โดยนอกจากตัว Mapparium เองแล้วก็ยังมีนิทรรศการอื่นๆ อีกนิดหน่อยเกี่ยวกับ Christian Science ซึ่งเป็นลัทธิหนึ่งของคริสต์ ที่บอกตรงๆ ว่าพยายามดูและอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ งง











หลังจากเสร็จออกมา จากที่ทีแรกว่าจะไป Museum of Fine Arts เลยตัดสินใจว่ากลับเลยดีกว่าเพราะเน่ามาก เลยอาศัยจังหวะที่ฝนหยุดตามพยากรณ์อากาศบอกประมาณ 1 ชั่วโมง รีบเดินไปเข้าวัดใกล้ๆ ถ่ายรูป แล้วแวะซื้อขนมกลับโรงแรม
ระหว่างตอนเดินไปขึ้นรถไฟกลับ ก็แวะผ่านเจอ Old South Church ก็แวะถ่ายรูปสักนิด ใจจริงอยากเข้าไปดูในโบสถ์ แต่ถือถุงขนมถุงยักษ์อยู่สองถุงเลยไม่กล้า ถ่ายรูปแค่ข้างนอกแล้วกัน
ขากลับก็ขึ้นรถไฟจากสถานี Copley ไปลงที่ Boylston แล้วเดินกลับมาโรงแรม
พอถึงโรงแรมก็อาบน้ำ เปลี่ยนชุด เป่ารองเท้า แล้วก็เอะใจขึ้นมาว่าเออตกลงทัวร์เขาจะยังมีอยู่ไหมนะ เลยเข้าไปเช็คในเว็บ
สรุป จบ นอน