เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากว่าเดิมวางแผนว่าจะฉลองสิ้นปีที่ออสเตรเลียโดยใช้ตั๋วการบินไทยที่ดองไว้ตั้งแต่ก่อนโควิด ซึ่งตั๋วมันจะไปจบที่เมลเบิร์น แปลว่าต้องหาตั๋วกลับแยกต่างหาก พอดีกับว่าที่บ้านจะไปเยี่ยมพี่สาวที่สิงคโปร์ เลยตัดสินใจว่าจะต้องซื้อตั๋วจากเมลเบิร์นไปสิงคโปร์
แต่เนื่องจากว่าตั้งใจจะเดินทางเป็น 1 มกราคมพอดีซึ่งเป็นช่วงเทศกาล และหลังจากพิจารณาดูตั๋วต่างๆ แล้ว ก็พบว่าตั๋วชั้นธุรกิจของ Jetstar แพงกว่าชั้นประหยัดของ Qantas อยู่นิดเดียว แถมจะทำให้ได้ Status Credit ของ Qantas Frequent Flyer ซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ด้วย เลยตัดสินใจจองเป็นไฟลท์ JQ7 เส้นทางเมลเบิร์น – สิงคโปร์ ในชั้นธุรกิจด้วยราคา AUD 1,332 (ประมาณสามหมื่นบาท) คิดแล้วเท่ากับประมาณ 250 บาทต่อ 1 Status Credit ซึ่งก็ไม่แย่เกินไป
แถมนิดนึง เพราะเป็น JQ ที่ออกจากสนามบิน MEL เลยจะทำให้สามารถใช้เลานจ์ Qantas International First Lounge ได้ด้วยถ้าเป็น QFF Platinum ขึ้นไป
ที่นั่ง
ที่นั่งชั้นธุรกิจของ Jetstar บนเครื่อง 787 จะมีแค่ 3 แถวหน้าสุดในรูปแบบที่นั่ง 2-3-2 โดยรวมนั่งได้จริงๆ แค่ 19 ที่ (เพราะ 3J/3K กันไว้เป็นที่พักของลูกเรือ) ซึ่งไฟลท์ที่เดินทางมาเต็มหมดทุกที่เลย โดยเลือกที่นั่งเป็นแถวหน้าสุดที่ 1F
ที่นั่งเป็นที่นั่งแบบโซฟาใหญ่ๆ เอนได้มากหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับราบ ถ้าถามความรู้สึกคือได้ดีกรีความสบายประมาณ Premium Economy ของ Cathay Pacific ซึ่งก็พอนอนหลับได้อยู่ แต่ถ้าไม่มีหมอนรองคอก็มีโอกาสขอเคล็ดได้อยู่
ถาดอาหารจะเป็นแบบพับออกจากข้างที่นั่ง มีปลั๊กไฟให้ และมีจอความบันเทิงด้วย ถ้าเป็นแถวหน้าสุดจอจะต้องดึงออกมาจากที่นั่งเช่นเดียวกัน โดยระบบบันเทิงของชั้นธุรกิจใช้บริการได้ฟรี (เผื่อใครไม่รู้ ชั้นประหยัดของ Jetstar ต้องซื้อเพิ่ม)
ความเห็นส่วนตัว หลังจากที่นั่งดูจริงๆ แล้ว พบว่าถ้ากลับไปเลือกได้จะเลือกนั่งแถว 3 แทน เพราะแถวที่ 1 ถึงจะเหมือนมีที่ข้างหน้าเยอะ แต่จะวางของไม่ได้ และจะเอนก็ต้องเกรงใจคนข้างหลังนิดนึง แถมเวลาคนข้างหลังจิ้มจอแล้วก็กระเทือนเบาะอีก
สิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้นธุรกิจจะมีชุดข้าวของเครื่องใช้ให้พร้อมถุงผ้าลดโลกร้อนที่ทำโลกร้อน ข้างในมีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ครีมทามือ ลิปมัน ทิชชู่เปียก ถุงเท้า ที่ปิดตา ที่อุดหู หมอนรองคอแบบเป่าลม พร้อมผ้าห่มที่เอากลับไปได้ (เพราะจริงๆ เป็นของขายที่ชั้นประหยัดก็ซื้อได้ แต่บางคนก็ไม่รู้ทิ้งไว้บนเครื่อง)
นอกจากนี้มีหมอนปกติให้อีกใบ เดาว่าเอาลงไม่ได้
ส่วนตัวคิดว่าการมีหมอนรองคอเป่าลมนี่โอเคเลย เหมาะกับที่นั่งที่ไม่นอนราบ ทำให้นอนได้โดยไม่คอหัก
ในส่วนชั้นธุรกิจมีห้องน้ำด้านหน้าแค่ห้องเดียว แบ่งกัน 19 คนก็โอเคอยู่
อาหาร
เส้นทางนี้มีระยะเวลาบินทั้งหมดประมาณเกือบ 8 ชั่วโมง มีมื้ออาหารให้ 2 มื้อ มื้อแรกเป็นอาหารจริงจังมีให้เลือก 3 แบบ ส่วนมื้อหลังเป็นอารมณ์อาหารว่างมีให้เลือก 2 แบบ
พอถึงเวลาอาหารลูกเรือจะเอาเมนูมาให้ดูแล้วถามพร้อมจดๆ ไป ก่อนที่จะค่อยๆ นำมาเสิร์ฟให้ทีละคน เมนูนี่คือให้ดูแล้วเก็บไปด้วยนะ ประหยัดสุดๆ


ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกพอสมควร มีแอลกอฮอล์ด้วย และสามารถขอได้ตลอดเที่ยวบิน แต่เท่าที่ดูทำไมคนอื่นไม่มีใครขอกันเลยนะ?
อาหารคุณภาพก็โอเค ประมาณเดียวกับชั้นธุรกิจของการบินไทยยุคปัจจุบัน (ต่างแค่คนเสิร์ฟไม่ได้ห่มสไบ) ประทับใจสุดคือแซลมอนชิ้นโคตรใหญ่


บริการ
ดีในมาตรฐานที่ต่ำ (งงมะ?) คือลูกเรือทำได้สมบูรณ์มากๆ แต่เนื่องจากมันเป็นสายการบินแบบโลว์คอสต์ ต่อให้เป็นชั้นธุรกิจก็เถอะลูกเรือเองก็มีมาตรฐานที่สายการบินกำหนดไว้ไม่ได้สูงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่าเหมือนทำได้ตามมาตรฐานที่ไม่สูงแบบที่ควรจะเป็นได้ดี
อย่าคาดหวังว่าระหว่างไฟลท์จะมีใครมาถามว่าเอาอะไรมั้ย หรือลูกเรือจะคอยดูคอยถามอะไรแบบ proactive ล่วงหน้าไปก่อน แต่ถ้าขอส่วนใหญ่เขาก็ดูแลให้แหละ
ทั้งนี้คิดว่าเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรมากแต่แรกอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกอะไร (ทั้งๆ นี้คิดว่าปกติเป็นคนจุกจิกเรื่องคุณภาพการบริการนะ)
แต่อย่างนึงที่สังเกตมานานละ Jetstar นี่เขาไม่คัดหน้าตาบุคลิกภาพใดๆ นะเลยนะเนี่ยลูกเรือ (ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่ามันจำเป็นนะ เดี๋ยวทัวร์ลง) แต่ก็คิดว่าเป็นวัฒนธรรมที่ต่างกันจริงๆ คือนึกถึงว่าอย่างโลว์คอสต์บ้านเรา ก็ดูคัดประมาณนึงอะ
สรุป
คิดว่าสมบูรณ์ และมองว่าในราคาสามหมื่นในช่วงเทศกาล แลกกับการได้เดินทางสบายๆ มาก็คุ้มอยู่ คือเหมือนมันจะต่างแค่ที่นั่งใหญ่ขึ้น แต่บอกเลยว่ามันสบายกว่าตอนนั่ง Jetstar ชั้นประหยัดจากกรุงเทพไปเมลเบิร์นมากๆ (อันนั้นนรก) นี่คือทำให้รู้สึกเลยว่าคราวหน้าถ้าไปเมลเบิร์นอีกอาจจะต้องลองกดๆ ดู JQ29/30 บ้างแล้วด้วย