ตายแล้ว(ไมล์)ไปไหน

ตายแล้ว(ไมล์)ไปไหน

วันก่อนที่ว่าด้วยเรื่องแลกไมล์ Royal First การบินไทย ตอนปิดท้ายก็พูดติดตลกๆ ว่า เออ อุตสาห์แลกไมล์ไปแล้วอย่าเพิ่งตายก่อนจะได้ขึ้นเครื่องนะ

พอหลังจากที่พิมพ์บล็อกนั้นไป ก็มานั่งนึกๆ ดูว่า เออ เรานี่บ้าสะสมแต้มสะสมไมล์อะไรมาเยอะแยะขนาดนี้ ถ้าเกิดตายไปก่อนได้ใช้นี่เสียดายแย่เลย

ก็เลยมานั่งนึกๆ ต่อว่า เออ นั่นสิ ตายแล้ว(ไมล์)ไปไหน?

ด้วยความสงสัย ก็เลยนั่งไล่ๆ หาข้อมูลโดยถามจากเจ้าหน้าที่บ้าง หรือไล่หาอ่านในเงื่อนไขและข้อตกลงของโปรแกรมสะสมคะแนน/ไมล์บ้าง ว่าตกลงถ้าเรา (เจ้าของบัญชีสะสมคะแนน/ไมล์) ตายไปเนี่ย มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ก็เลยรวบรวมข้อมูลมาให้อ่านๆ กันตามต่อไปนี้ Continue reading “ตายแล้ว(ไมล์)ไปไหน”

Death is all around.

Death is all around.

ความตายอยู่รอบตัว ชีวิตนี่มันช่างเปราะบางเหลือเกิน…

ย้อนไปสมัยผมจบ ม.6 ใหม่ๆ ผ่านไปไม่กี่ปี ก็ได้ยินข่าวคราวที่เพื่อนร่วมระดับชั้นเสียไป ในใจตอนนั้นก็รู้สึกใจหายพิลึก แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจำได้ดีคือ เวลาไล่เลี่ยกันนั้น ผมมีโอกาสได้เจอกับอาจารย์ที่โรงเรียนท่านหนึ่ง และพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ มีคำเปรียบเปรยหนึ่งที่อาจารย์พูดและผมจำได้ดี

เดี๋ยวมันก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ ที่เรารู้จักก็จะค่อยๆ หายไป เหมือนใบไม้ที่ร่วงมาทีละใบๆ จากต้นไม้

สิบปีผ่านไป ภาพใบไม้ร่วงหล่นจากต้นก็ปรากฎให้เห็นเรื่อยๆ ในชีวิต และราวกับว่ามันจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ

และวันนี้ ปรากฎการณ์นั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

ถึงผมจะพอสังหรณ์ใจมาได้สักพักใหญ่ๆ แต่ก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราน่าจะมีโอกาสได้ถามไถ่ถึงอาการที่เป็นมากกว่านี้ หรือแม้แต่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ ซ้ำร้ายในช่วงเวลาสุดท้ายผมก็ดันอยู่ต่างประเทศเสียอีก

ผมเปิดข้อความในแชท เลื่อนอ่านข้อความที่พูดคุยกันสัปดาห์ก่อน ตอนนั้นยังดูสนุกสนาน คงไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะมาถึงจุดนี้ในวันนี้

ถึงผมจะไม่ได้เศร้าโศกอะไรมากมาย เพราะใจเองก็อาจเริ่มคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้ และสถานการณ์นี้ก็ดูจะมีเวลาทำใจมาสักพักใหญ่ๆ

แต่มันก็อดทำให้เรารู้สึกถึงความเปราะบางของชีวิตเสียไม่ได้

จนกว่าวันที่จะได้พบกันใหม่

รัก

Alpha Male

alpha male (noun)
the dominant male animal in a particular group / a man tending to assume a dominant or domineering role in social or professional situations

จริงๆ เนื้อความคงคล้ายๆ กับเอ็นทรี Territorial Me ที่เคยโพสท์เมื่อนานมาแล้ว ถ้าใครไม่เคยอ่านและไม่ขี้เกียจอ่าน ให้สรุปง่ายๆ ก็คือว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับการหวงแหนพื้นที่ของตนเอง และไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งดูจะเป็นนิสัยหลักของผมอยู่เลยทีเดียว

โดยปกติแล้ว ฝูงของสัตว์หลายๆ ชนิดมักจะมีตัวผู้ตัวหนึ่งที่ถือว่าเป็นผู้ทรงอำนาจที่สุดของฝูงนั้นๆ ที่เขาเรียกกันว่า alpha male และมักจะมีอำนาจในการกำหนดทิศทางหรือควบคุมอิทธิพลต่างๆ ที่มีต่อฝูงนั้นๆ ซึ่งในทางวิวัฒนาการแล้ว ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุณลักษณะนี้ถึงถูกคัดเลือกตามธรรมชาติมาได้ แต่การที่มันยังคงมีอยู่ ก็คงต้องมีผลต่อการอยู่รอดของสายพันธุ์นั้นๆ อยู่ไม่มากก็น้อย

และในหลายๆ ครั้ง ที่เมื่อเวลาผันเปลี่ยนไป ก็มักจะมีเหตุการณ์ที่ตัวผู้ตัวอื่นๆ ในฝูงที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นมา ก็จะเริ่มเข้ามาชิงบทบาทการเป็น alpha male ของฝูง ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็มันจะตามมาด้วยการต่อสู้เพื่อตัดสินแพ้ชนะ และผู้ชนะก็จะได้ชิงหรือรักษาสิทธิ์การเป็น alpha male นั้นไว้ ส่วนผู้แพ้ ถ้าไม่ใช่ว่าตายจากการต่อสู้นั้น ก็ต้องยอมรับสภาพอยู่ในฝูง หรือออกจากฝูงไปเสีย

จริงๆ มานึกๆ ดู การเก็บไว้ให้อยู่ในฝูงต่อไปนี่ก็ดูเป็นการตัดสินใจที่โง่พิลึกนะครับ จะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่อยู่ทำไม ยิ่งถ้าไม่ได้มีประโยชน์อะไรด้วยแล้ว

Fight me, death awaits you.

You are already naked.

วันนี้เป็นวันที่ผมได้ทราบข่าวว่า Steve Jobs ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้วครับ

ถ้าให้พูดตามตรง ผมก็ตงิดๆ ตั้งแต่ที่ Steve Jobs ลาออก ไปจนถึงที่ไม่เห็นแม้แต่ Jobs ไปร่วมงาน Let’s Talk iPhone แล้วแหละครับ แต่ก็ไม่คิดว่าจะกระทันหันขนาดนี้

วันนี้จะว่าวันเวลาดูโหวงๆ ไปหน่อยก็คงจะพูดแบบนั้นได้สำหรับผม แต่ก็ยังดีว่าวันนี้ผมงานยุ่งเสียเหลือเกิน จนเรื่องนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรในจิตใจนัก จนมาตอนนี้ ดึกๆ เงียบๆ จนได้มีเวลานึกย้อนทบทวนอะไรบ้าง

ผมคิดว่าผมรู้จักกับแอปเปิล, Macintosh หรือ iPod ก่อนที่จะรู้ถึงการมีตัวตนของบุคคลที่มีชื่อว่า Steve Jobs ผมคิดว่าผมรู้จักชื่อนี้หลังจากที่ผมเริ่มทำเว็บคิวบิกคล้ายเว็บแอปเปิลเสียอีก

ประสบการณ์แรกที่ผมมีกับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลคือ iPod mini รุ่นแรก ผมฝากจักรธรซื้อจาก US ด้วย Educational Discount มา โดยช่วงนั้นผมใช้ผลิตภัณฑ์ Sony แทบทุกอย่างตั้งแต่คอมพิวเตอร์ หูฟัง กล้องถ่ายรูป ไปจนถึงมือถือฯ จนใครๆ รอบตัวผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมผมถึงซื้อ iPod

ผมตอบคำถามนั้นง่ายๆ โดยการสลักหลัง iPod mini ของผมว่า “Don’t ask why I didn’t buy Sony.”

สิ่งที่จับใจผมมากในตอนนั้น คือความง่ายของการใช้งาน โดยตอนนั้นผมต้องย้ายจาก Windows Media Player เป็น iTunes และผมก็พบว่า การแค่เสียบ iPod mini เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ และเรารู้ได้ทันทีว่าเพลงทั้ง Library ของเราจะมาอยู่ใน iPod เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก และผมก็ชื่นชอบในความง่ายของ iTunes ที่ใช้ในการจัดการเพลงเยอะๆ หรือเลือกหาเพลงฟัง รวมถึงฟีเจอร์ Party Shuffle (ปัจจุบันชื่อ iTunes DJ) เป็นฟีเจอร์ที่โดนใจผมเป็นพิเศษ

หากจะว่าไป iPod mini + iTunes ถือเป็นส่วนผสมสำคัญ ที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อ iPod U2 (with color display), iPod (5G), iPod U2 (5G), MacBook Pro 15″ (Early-2006), Mighty Mouse, Apple Keyboard, iPhone 3GS, Magic Mouse, MacBook Pro 15″ (mid-2010), iPad, Apple Wireless Keyboard, iPhone 4, iPad 2, Apple TV และล่าสุด Magic Trackpad

(นี่ยังไม่รวมถึง USB Modem, DVI to Video Adapter, Mini-DisplayPort to VGA Adapter, Apple VGA Adapter, Apple Digital AV Adapter และ Apple HDMI Cable หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ซื้อด้วย authority อำนาจที่มีในนามคิวบิกครีเอทีฟ)

ผมคงไม่ปฏิเสธว่า ผมได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก Steve Jobs ที่นำมาใช้ในการดำรงชีวิตของผมเองอยู่ไม่น้อย และจริงๆ ในวันนี้ ผมก็ได้ข้อคิดอะไรอีกสักสองอย่าง

อย่างแรก Tim Cook ได้กล่าวเอาไว้ว่า “Steve leaves behind a company that only he could have built” ประโยคนี้ได้เตือนผมให้รู้ว่า ถ้าผมไม่ทำให้คิวบิกฯ เป็นองค์กรที่มีเพียงผมคนเดียวในโลกที่สร้างมันได้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมต้องทำคิวบิกฯ

และอย่างที่สอง การที่เราตั้งวิสัยทัศน์ไปสู่อนาคตอย่างมั่นคง และดำเนินตามทางนั้นอย่างมุ่งมั่นและเยือกเย็น มันทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เหมือนกับวิสัยทัศน์ของ Jobs เองที่มีต่อเทคโนโลยี องค์กร และแม้แต่การตายของเขา

แม้ว่าผมคงไม่สามารถเทียบความเจ็บป่วยที่ผมมีกับสิ่งที่ Jobs ต้องเผชิญไปได้ แต่ผมเองก็เข้าใจสิ่งที่ Jobs พูดในความรู้สึกของคนที่ครั้งหนึ่งเคยสัมผัสกับความตายอย่างใกล้ชิดแล้วครั้งหนึ่งไม่น้อย

Remembering that I’ll be dead soon is the most important tool I’ve ever encountered to help me make the big choices in life. Because almost everything — all external expectations, all pride, all fear of embarrassment or failure – these things just fall away in the face of death, leaving only what is truly important. Remembering that you are going to die is the best way I know to avoid the trap of thinking you have something to lose. You are already naked. There is no reason not to follow your heart.

Thank you.