Krabi.

Krabi.

 

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ตอนผมอยู่ ม.2 มีงานวิชาสังคมงานหนึ่งให้ทำแผ่นพับแนะนำจังหวัดต่างๆ โดยแต่ละคนในห้องจะต้องเลือกจังหวัดมา 1 จังหวัดโดยไม่ซ้ำกัน

ผมเองจำไม่ได้แน่ชัดว่าตอนนั้นทำไมผมถึงเลือกกระบี่ อาจจะเพราะมันอยู่บนสุดเวลาเรียง หรือแค่เพราะไม่มีใครเอาก็ไม่ทราบได้ แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้รู้จักกับจังหวัดกระบี่มากกว่าที่เคยรับรู้ว่ามันคือจังหวัดในภาคใต้ตั้งแต่ ป.5 (และถ้าให้พูดตามตรง เพิ่งรู้ว่ามันอยู่ฝั่งอันดามันก็ตอน ม.2 เนี่ยแหละ)

ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นแผ่นพับที่โคตรจะตั้งใจทำเลยครับ สมัยนั้นยังไม่ใช่ยุคที่ใครจะใช้วิธีพิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์กันมากๆ ตอนนั้นเลยถือว่าเก๋น่าดู แถมจัดหน้าอะไรใน Word ซะเป๊ะ ก็เป็นทักษะที่ตอนนั้นกล้าพูดว่านอกจากพอแล้วคงไม่มีใครสู้ได้ (ถึงจะต้องลองพับไปพับมาชวนสับสนอยู่นานจนกว่าจะเก็ตว่ามันจะพับ 3 ส่วนยังไงและหน้าไหนหน้าแรกก็เถอะ)

มาจน ม.5 ก็มีงานวิชาสังคมให้ทำแผ่นพับจังหวัดอีกครั้ง ผมก็รีบจับจองจังหวัดกระบี่ทันที เพราะคิดว่ายังพอจำอะไรๆ ได้มากคงทำได้ง่ายๆ แม้ว่าไฟล์ตอน ม.2 จะสาบสูญไปแล้วในตอนนั้น (ไฟล์ของ ม.5 ยังอยู่ เผื่อใครจะอยากเอาไปพิมพ์ส่ง)

และก็แปลกอีกที่แม้ว่าผมจะรู้จักกับกระบี่มาหลายวันตั้งแต่ ม.2 แล้ว แต่กว่าผมจะมีโอกาสได้ไปกระบี่จริงๆ ก็อีกหลายวันต่อมาครั้งแรกในปี 2556 และอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จนบัดนี้รายละเอียดหรือชื่อสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของกระบี่ก็ยังติดตรึงอยู่ในใจผมได้ดี คงแปลกพิลึกที่งานในโรงเรียนจะได้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาขนาดนี้

เอาเป็นว่า ถ้าในโอกาสหน้าผมได้ไป Rwanda จะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมผมถึงเลือกทำแผ่นพับประเทศนี้ในวิชาภาษาอังกฤษ ม.4

Sleepless Society

สวัสดีกระบี่

กระบี่เป็นจังหวัดที่ผมเคยคิดมานานแล้วว่าอยากจะมาให้ได้สักครั้ง เพราะเป็นจังหวัดที่ตั้งแต่เด็กๆ เวลาทำแผ่นพับท่องเที่ยววิชาสังคมก็จะเลือกจังหวัดกระบี่ทุกๆ ครั้ง จนเหมือนจะรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวของกระบี่มากมาย แต่จนแล้วจนรอดในชีวิตก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสมาถึงกระบี่เลยสักครั้ง มาตอนนี้สบโอกาสต้องการหนีไปที่ไหนสักพัก กระบี่ก็แว้บขึ้นมาในหัว ก็เลยตัดสินใจขับรถมากระบี่เสียเลย

ครั้งนี้เลยถือว่าเป็นประสบการณ์การขับรถข้ามประเทศและข้ามคืนเป็นครั้งแรก ซึ่งก็เหนื่อยและสนุกกว่าที่คิดอยู่มาก อย่างนึงที่อดประทับใจเล็กๆ คือเหล่าบรรดาผู้ร่วมทางยามค่ำคืนที่เกือบทั้งหมดจะเป็นรถบรรทุก ที่ผ่านมาก็จะรู้สึกอคติเล็กๆ กับรถกลุ่มนี้อยู่แล้ว แต่พอได้ต้องมาสัมผัสอยู่นานๆ หลายๆ ชั่วโมงบนท้องถนนที่ไม่มีอย่างอื่นเลยก็ทำให้รู้สึกเห็นอะไรในมุมใหม่ๆ ได้เรียนรู้ภาษาสัญญาณไฟแปลกๆ ที่คงไม่ได้มีในตำราสอบใบขับขี่ และก็ทำให้รู้สึกได้ถึงว่า เอาเข้าจริงๆ คนกลุ่มนี้ก็ดูจะห่วงใยผู้ร่วมทางมากกว่าที่คิดเหมือนกันนะ

สรุปสุดท้ายผมใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 18 ชั่วโมงในการเดินทางกว่าจะถึงกระบี่ (เป็นเวลาที่ขับรถจริงๆ น่าจะประมาณ 14 ชั่วโมง ซึ่งก็น่าจะถือว่าช้าพอสมควรแต่ก็ขับไม่เกิน 90 กม./ชม. มาตลอดทาง)

ตอนนี้ผมก็คงจะใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพัก และหวังว่าจะเจอคำตอบของคำถามบางอย่าง ที่กำลังค้นหาอยู่ก็เป็นได้