ทริปคราวนี้จะมาแนวแปลกสักหน่อย คือมาเที่ยวที่ Tokoname ซึ่งคาดว่าสำหรับหลายๆ คนน่าจะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ถ้าบอกว่าคือเมืองตรงสนามบินเมือง Nagoya (NGO) อาจจะนึกออกกันขึ้นมาทันที วันนี้เนื่องจากจะมาพักที่ตรงสนามบินรอขึ้นเครื่องเช้าตรู่พรุ่งนี้ เลยคิดว่าจะแวะเที่ยวที่เมือง Tokoname นี้สักหน่อย Continue reading “Tokoname Trip 2019”
Tag: Nagoya
Kansai Trip 2018 – Day 3
ปิดท้ายทริปคันไซวันสุดท้ายด้วยแผนการสั้นๆ คือการไปซื้อของที่เอาท์เล็ท
วันนี้ตื่นเช้าหลังจากที่ทานอาหารเช้าที่ Sheraton Miyako Hotel Osaka ที่ไม่มีอะไรน่าประทับใจเลยสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ ก็นอนอืดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะออกไปซื้อของที่เอาท์เล็ทตรงโกเบ (ก็กลายเป็นเหมือนนั่งรถไฟย้อนไปอีกที แต่ไม่เป็นไรมี Japan Rail Pass) Continue reading “Kansai Trip 2018 – Day 3”
JP/US 2014 – Day 4
จากที่เมื่อวานเรามีการสลับแผน วันนี้ตามแผนการเราจึงตั้งใจว่าจะไปที่ Noritake Garden กันแทน แต่พอตื่นเช้ามา คุณพระ! ฝนตก! จริงๆ ก็พลาดอย่างนึงเพราะตอนมาก็แอบตั้งใจไว้แล้วว่าจะขยันดูพยากรณ์อากาศบ่อยๆ แต่ก็ดันมาพลาดอีวันที่ฝนตกพอดี เลยกลายเป็นว่าไม่ได้ไปไหน นอนอืดอยู่ที่พักยาวจนเกือบเที่ยง แล้วจึงออกมาเพื่อนั่งชินคันเซนกลับโตเกียวเลยทีเดียว โดยแวะทานข้าวที่สถานี Nagoya
และแล้วก็มีเหตุการณ์ระทึกขวัญเกิดขึ้น ระหว่างที่เรากำลังจะเดินขึ้นรถไฟ เนื่องจากว่าเรามาถึงที่ชานชาลาช้าไปนิดนึง ตอนจังหวะที่เดินขึ้นไปเข้าใจว่าเป็นจังหวะที่ประตูกำลังจะปิด เขาจึงจะไม่ให้เข้า พอเราเดินขึ้นไป ยามก็เป่านกหวีดปี๊ด เสียงดังลั่น ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่าแทนเดินเข้าไปก่อน แล้วก็ไม่ได้คิดว่ายามเป่านกหวีดใส่เรา ส่วนตัวผมเองพอได้ยินเสียงนกหวีดก็ติดสตันแล้วก็ไม่ได้ขึ้นต่อ ในทันใดนั้น…
ในทันใดนั้น…
ประตูปิด! อ้าวไอ้เหี้ย! บรรยากาศตอนนั้นเหมือนจุดพลิกฝันที่เรื่องราวกำลังขมวดปมก่อนเข้าสู่ไคลแม็กซ์ ยังกับภาพในละครที่ต่างฝ่ายต่างมองหน้าอีกฝ่ายแล้วประตูรถไฟก็เลื่อนปิด ตัวผมเองเนี่ยไม่เท่าไหร่เพราะคิดว่าน่าจะจัดการได้ แต่โมเม้นท์นั้นหน้าแทนเหวอมาก ก็เลยได้แต่ทำมือพยายามบอกว่าไม่เป็นไรๆ ไปก่อนเลยๆ แล้วในใจตอนนั้นก็คิดแค่ว่าจะหาทางติดต่อแทนอีกทีว่าจะเจอกันที่ไหนอย่างไร
ทีนี้ความตื่นเต้นมันอยู่อีกเรื่องตรงที่ว่า พอชินคันเซนออกไปแล้ว เราก็กำลังอยู่ในโหมดกำลังคิดว่าจะตามไปยังไงดี ก็เลยเพิ่งมาค้นพบว่า อ้าว กระเป๋าใบเล็กของเราดันฝากให้แทนช่วยถือตอนนั้นพอดี ซึ่งในนั้นมี Pocket Wifi และพาสปอร์ตอยู่ คุณพระ! พาสปอร์ต! พอคิดได้เท่านี้แหละเลยยิ่งร้อนรนรู้สึกว่าต้องหาทางกลับมาเจอกันให้เร็วที่สุดให้ได้ และคิดว่ายังไงเจอกันสถานีย่อยๆ ระหว่างทางน่าจะง่ายกว่าการพยายามสื่อสารให้ไปนัดเจอกันที่สถานี Tokyo
ตอนนั้นหลังจากที่การพยายามโทรศัพท์ประมาณ 5 ล้านครั้งไม่เป็นผล เลยต้องตัดสินใจเปิด Data Roaming เพื่อส่ง iMessage ไปถามว่าสถานีต่อไปที่จะลงได้เป็นสถานีไหน แล้วถึงไปนัดเจอกันที่สถานีนั้นแทน โดยผมก็รีบนั่งชินคันเซนคันถัดไปที่มีตามไป แต่จะช้ากว่าเพราะเป็นขบวนที่แวะทุกสถานี จนสุดท้ายกว่าจะไปถึงโตเกียวเลยยิ่งช้ากว่ากำหนดอีกหลายชั่วโมง เพราะกว่าจะไปเจอกัน และกว่าจะรอรถไฟขบวนถัดไป แล้วเสือกมีเหลือแต่ที่เป็นแบบแวะทุกสถานีอีก กว่าจะกลับไปถึงก็เลยค่ำๆ
ในคืนนั้นเราพักที่โรงแรมแคปซูลใน Shinjuku ซึ่งเหมือนว่าจะเป็นเจ้าเดียวกับที่พักที่ Kanda แต่ว่าใหญ่และวุ่นวายกว่ามาก และเรายังค้นพบด้วยว่า ที่นี่ฉายหนังโป๊ด้วยเว้ยเห้ย!
และก็เป็นการจบวันอันน่าตื่นเต้นอีกหนึ่งวัน
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง
JP/US 2014 – Day 3
ในวันนี้ตอนแรกเรามีแผนการที่จะไปเที่ยวสวนสนุกที่ Nagashima Spaland แต่เนื่องจากว่าเมื่อคืนโดนผีหลอก ทำให้กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า กว่าจะตื่นออกมาก็สายๆ แถมอยู่ในสภาพเน่ามากๆ ตอนนั้นเราเลยตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนกำหนดการจากวันที่ 4 มาวันนี้แทน
รายการแรกจึงเริ่มต้นขึ้นที่เราไปที่ Toyota Commorative Museum of Industry and Technology ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของโตโยต้าที่จะเล่าถึงประวัติเรื่องราวการเติบโตทางธุรกิจและการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ของโตโยต้าตั้งแต่สมัยที่เป็นบริษัทผลิตเครื่องจักรทอผ้ามาจนถึงการเป็นผู้ผลิตรถยนต์
สำหรับค่าเข้าเราซื้อเป็นตั๋วร่วมกับ Noritake Garden ในราคา 800 เยน ข้างในก็จะมีการแสดงประวัติและการพัฒนาเครื่องจักรต่างๆ ทั้งของอุตสาหกรรมและของโตโยต้าเอง ทั้งในส่วนของการทอผ้าตั้งแต่การทำเส้นใยเป็นด้ายไปจนถึงการเอาด้ายมาทอเป็นผ้า และส่วนรถยนต์ที่อธิบายกลไกการทำงานของส่วนประกอบต่างๆ
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ พนักงานที่เป็นคนให้ข้อมูลที่นี่นอกจากจะน่ารักแล้วยังมีข้อมูลแน่นมากๆ และก็ดูกระตือรือร้นที่จะอธิบาย แม้ว่าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มากก็ตาม
และที่พิพิธภัณฑ์นี้ก็มีร้านอาหารอยู่ ตอนแรกก็สองจิตสองใจว่าจะทานดีไหมเพราะกลัวว่าจะแพง แต่สุดท้ายก็พบว่าคุ้มมาก ราคาถูกกว่าที่คิด ยิ่งเทียบกับคุณภาพแล้ว ชุดเสต็กพร้อมขนมปังและสลัดแค่ 900 เยน เลยสรุปได้ว่าจากค่าเข้าที่แสนถูก พนักงานที่แสนดีและเยอะ และอาหารแสนดีแสนถูก เลยรู้สึกว่าพิพิทธภัณฑ์นี้เป็นหน่วยธุรกิจของโตโยต้าที่ไม่ได้เน้นรายได้จริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่จริงๆ
ต่อมาเราก็ไปเพ้นท์เซรามิกกันที่ Noritake Garden ตอนแรกสุดเลยเขาก็จะให้เลือกว่าเราอยากจะเพ้นท์บนอะไร เช่นจาน แก้ว แต่ละอย่างก็จะมีราคาไม่เท่ากัน แล้วก็บางอย่างอาจจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบที่มีร่างภาพไว้แล้ว ลงสีอย่างเดียว หรือเปล่าๆ ให้ลงเองเลย ผมก็เลยเลือกจานเปล่าๆ มาวาดภาพไม้ตายลงไปตามนี้
หลังจากที่วาดเสร็จ เค้าก็จะเอาไปอบให้เรา แล้วจึงจะส่ง EMS ให้ โดยเราสามารถเลือกว่าจะให้ส่งไปที่อยู่ในญี่ปุ่นได้ฟรี หรือไปที่บ้านเราที่ต่างประเทศเลย โดยที่เราส่งไปที่ประเทศไทยทั้งคู่มีค่าใช้จ่ายรวมที่ 1,900 เยน รวมกับค่าจาน 1,800 เยน เลยตกคนละ 2,750 เยนพอดี ก่อนกลับก็ถ่ายรูปเก๋ๆ ใน Noritake Garden อีกหน่อย
เสร็จจาก Noritake Garden เราก็ตั้งใจว่าจะไปดู Nagoya Castle แต่ปรากฏว่ากว่าจะเดินทางไปถึงก็ปิดซะก่อน เลยได้แต่ดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ก่อนที่จะไปช็อปปิ้งดูของที่ Osu Street ซึ่งแทนก็โดนไปหลายหมื่นเยน ตั้งแต่นาฬิกา เสื้อ หมวก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นวันที่ 3 ที่ Nagoya
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง