TESSERAX, the next dimension has begun.

TESSERAX, the next dimension has begun.

ถ้าใครที่ได้เข้าร่วมงาน Cubic Thanks Party 2016 เมื่อวานที่ผ่านมา ก็คงจะได้ทราบเกี่ยวกับ TESSERAX ที่กำลังจะมาเป็น business unit หน่วยธุรกิจใหม่ของคิวบิกครีเอทีฟ ตามหลัง Paduppa ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

TESSERAX เติบโตจากทีมที่รับผิดชอบงานทางด้านไอทีของคิวบิกครีเอทีฟคล้ายๆ กับที่ Paduppa เกิดขึ้นจากทีมทางด้านมัลติมีเดีย ที่จริงๆ ตอนนี้ก็ตลกดีที่คิวบิกครีเอทีฟมีทีมงานแบบเต็มเวลากับงานทางไอทีเยอะกว่าฝ่ายอื่นๆ เสียอีก Continue reading “TESSERAX, the next dimension has begun.”

10 years later.

10 years later.

24 กันยายน 2558

ในช่วงบ่ายของวันแรกที่ผมมาร่วมงาน Thai Young Leaders Camp นี้ ผมกำลังนั่งอยู่ในวงสมาชิก 11 คนที่สนใจแก้ปัญหาสังคมด้านสุขภาพ ผมกวาดสายตาดูรอบๆ เพื่อหาคนที่อาจจะร่วมเป็นสมาชิกทีมด้วยได้ แล้วผมก็ต้องไปสะดุดกับคนที่นั่งด้านขวาของผม เมื่อผมเหลือบมองไปที่ป้ายชื่อที่นอกจากจะไม่ได้ลนไฟที่ปลายเชือกแล้วยังปรับความยาวไม่ได้นั้น บนป้ายมีตัวอักษรฟอนต์ขนาด 96 เขียนไว้เด่นชัดว่า นิว และด้านล่างกันนั้นด้วยชื่อจริงเป็นภาษาอังกฤษฟอนต์ขนาด 32 ว่า Teepisutt

ผ่านไปเสี้ยววินาทีที่สมองของผมไปค้นเจอชื่อนี้ใน long-term memory ความทรงจำระยะยาวสักแห่ง “มีคนชื่อนี้สองคนในโลกด้วยเว้ย” ผมคิดในใจ Continue reading “10 years later.”

หากว่าวันนี้โชคดีได้พบกับเธอ…

ที่หลายๆ คนทราบดีอยู่แล้ว นอกจากผมจะทำคิวบิกฯ เป็นหลักแล้ว ตอนนี้ผมยังมีงานอดิเรกอีกอย่าง (ที่ค่อนข้างจริงจัง) นั่นก็คือปาดับปา

จริงๆ ผมเองเคยคิดมาเสมออยู่แล้วว่า นอกเหนือจากความตั้งใจหลักในเรื่องการศึกษาของผม (ซึ่งกำลังดำเนินไปอยู่ในรูปของคิวบิกครีเอทีฟ) ผมเองก็อยากจะได้มีส่วนร่วมในอุตสากรรมศิลปะสักแขนงที่เป็นไปได้ ซึ่งที่ตั้งแต่เด็กๆ มองไว้คงเป็นเรื่องของเกมคอมพิวเตอร์ในฐานะของการเป็น interactive art ศิลปะตอบสนอง

ดนตรีเองก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมมองๆ ไว้มาโดยตลอด เพียงแต่โดยส่วนตัวแล้วแม้ว่าจะชอบฟังเพลง แต่ไม่ได้มีความสามารถทางด้านดนตรีดีเด่นอะไร เลยเคยคิดไว้ว่าน่าจะทำงานในลักษณะของการบริหารหรืออะไรซะมากกว่า ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สักสองสามปีที่แล้ว หากใครทราบ ผมเคยบ้าจี้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อสมอลล์รูมด้วยซ้ำ

จริงๆ คงเป็นจังหวะที่น่าสนใจครับ ที่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา อยู่ๆ ดนตรีก็มีที่ยืนแปลกๆ อยู่ในคิวบิกครีเอทีฟ ซึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญคงต้องเครดิตถึงคอนเสิร์ตงาน CCFC2 ของกอล์ฟที่เป็น milestone หลักไมล์ที่สำคัญในเรื่องนี้ของคิวบิกฯ

และจากงานนั้น ก็ทำให้กลุ่มคนทางดนตรี รวมกลุ่มก้อนกันได้ในคิวบิกฯ จากที่ปล่อยให้กลุ่มบ้าคอมฯ, บ้ากล้องฯ, บ้าแอปเปิล และบ้าเพศตรงข้ามรวมกลุ่มอยู่เป็นหลัก และจังหวะนี้เอง ที่ทำให้ภาคินที่จริงๆ น่าจะหลุดจากวงโคจรไปแล้ว โดนดูดกลับเข้ามาจนได้ (ไม่รอด)

จริงๆ ถ้าถามว่าปาดับปาเกิดขึ้นมาได้ยังไง และเพื่ออะไร ผมเองก็คงไม่มีคำตอบชัดๆ มากนะครับ รู้แต่ว่าตอนแรกเค้าแค่อยากจะทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับดนตรี พอผมทราบว่าภาคินสนใจจะทำให้เป็นรูปเป็นร่าง ผมก็เลยรีบขายไอเดียห้องสตูดิโอของผมที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนสร้างตึก PlayCube ซึ่งเป็นห้องที่ตั้งใจทำไว้ให้ไม่มีหน้าต่าง และเผื่อไว้จะทำสตูดิโอใดๆ รู้ตัวอีกที เราก็ซื้อแผ่นอคูสติกมาแปะ โดยที่ตอนนั้นจริงๆ ตอนนั้นยังไม่รู้กันเลยด้วยซ้ำว่าพวกเราจะทำอะไร (จำได้ว่า ระหว่างสาวๆ ดมกาวแปะแผ่นอคูสติกอยู่ในห้องสตูฯ หนุ่มๆ ก็มาประชุมกันว่าจะทำอะไรดีอยู่ห้องข้างๆ ช่างเป็นอะไรที่คิวบิกฯ เสียมากๆ) สุดท้ายตอนนั้นเราก็ได้ข้อสรุปว่าจะทำโปรดักชั่นเพลงโคเวอร์อัปขึ้น YouTube ไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วค่อยดูต่อว่าจะไปทางไหนต่อ โดยที่ในมุมของผม ผมยังขอให้คิวบิกฯ ช่วยสนับสนุน โดยแลกกับการที่ปาดับปาก็ทำงานเป็นหน่วยย่อยในคิวบิกฯ ด้วย

ผ่านมาเกือบปี ถ้าถามผมตอนนี้ ผมก็รู้สึกว่า เราทำตามความตั้งใจแรกได้ไม่เลวเลยนะครับ คำถามต่อไปเลยน่าจะเป็นว่า ปาดับปาจะไปทางไหนต่อ ซึ่งผมเองถึงจะมีไอเดียคร่าวๆ ในหัวบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้มีความคิดไหนที่โดดเด่น และเห็นความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจที่ชัดเจนสักเท่าไหร่

แต่ก็ว่าไปเถอะครับ หากย้อนมองไปดูคิวบิกครีเอทีฟตอนจุดเริ่มต้น ผมคิดว่าตอนนั้นพวกเราเองก็คงไม่ได้มีภาพที่ชัดเจนมาก มากกว่าความตั้งใจที่จะอยาก “ทำอะไรสักอย่าง” ในเรื่องที่เรา passionate มีความหลงไหล นั่นก็คือเรื่องความสนุกกับการศึกษา

ผมเอง จะเป็นพวกขัดกับแนวคิดการทำธุรกิจในตำราแบบต้องมีแผนธุรกิจอะไรอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้ไปพูดที่งานไหนก็ตาม ผมจะย้ำเสมอว่า สิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจไม่ใช่วิสัยทัศน์ (vision) แต่เป็นความรักในสิ่งที่ทำ (passion) ต่างหาก เพราะวิสัยทัศน์จะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ และเป็นสิ่งที่ควรจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่างๆ แต่ความหลงไหลในสิ่งที่เราทำจะเป็นสิ่งที่ติดอยู่กับตัวเราตลอดไป เป็นสิ่งที่เราไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้

สำหรับปาดับปาแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มที่น่าสนใจ เพราะมันเต็มไปด้วยความหลงไหล และความหลงไหลนั้นกำลังสร้างสรรค์ผลงานอะไรขึ้นมาจริงๆ

สุดท้ายนี้ขอฝากโปรโมตผลงานล่าสุดของปาดับปาด้วยครับ 🙂