วันนี้เรามีธีมที่จะเที่ยวแนวเทคโนโลยีทั้งหมดในโซน Silicon Valley แถวนี้ โดยจะมีแก้วเป็นผู้ร่วมทริป เริ่มต้นจากไปที่ Apple Campus โฉบดู Apple Park ไปชม Computer History Museum แล้วให้พี่ที่แก้วรู้จักพาไปดูออฟฟิศ Facebook แล้วปิดท้ายด้วยการไปหาแบดด์ที่ Omnivirt Continue reading “US Trip 2017 – Day 16”
Tag: San Francisco
JP/US 2014 – Day 12
วันนี้แทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอนชาร์จพลัง กว่าจะตื่นก็บ่ายๆ เดาว่าน่าจะเพราะเหนื่อยจากทริปญี่ปุ่น และอาจจะยัง jet lag อยู่ จนตอนเย็นพอตั้มกลับมาที่โรงแรมก็เลยว่าจะไปถ่ายรูป Golden Gate กัน เพราะจะออกจาก San Francisco พรุ่งนี้อยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ไปสะพานที่เป็นสัญลักษณเลย สุดท้ายเนื่องจากว่าไกล เราจึงไปได้แค่ในจุดที่สามารถถ่ายรูปติดมาได้ลิบๆ แต่ก็แถมว่าถ่ายเกาะ Alcatraz มาได้ด้วย
เสร็จแล้วเราก็ไปทานอาหารจีนที่ร้านเดิมที่ถูกมาก คราวนี้ตั้มเกิดโรคจิตอยากกินกับด้วย เลยสั่งเป็นหมูทอดมา ปรากฏกินไม่หมดเพราะแค่จานหลักก็จะบ้าแล้ว สุดท้ายกินหมูทอดกันคนละชิ้น แล้วก็ห่อกลับกะว่าไว้กินในรถพรุ่งนี้
หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม นอน เตรียมเริ่มลุยการขับรถทัวร์พรุ่งนี้
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง
JP/US 2014 – Day 11
วันนี้ก็มีกำหนดการที่จะไปเที่ยวเป้าหมายส่วนตัวต่างๆ ที่อยู่ทางตอนใต้ของ San Francisco โดยเป้าหมายทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องขับรถไป ตอนนี้เลยเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสลองใช้บริการ Hertz 24/7
ลักษณะของ Hertz 24/7 คือการเช่ารถรายชั่วโมงแบบคิดเหมารวมน้ำมันไปเลย แล้วเราสามารถที่จะเอารถแล้วก็คืนรถเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยตนเองเลย ไม่ต้องใช้คนมาบริการ ขั้นตอนแรกคือเราจะต้องสมัครเป็นสมาชิกเพื่อผูกบัตรเครดิตและใบขับขี่เราก่อน โดยในขั้นตอนนี้ยังจะต้องไปที่ศูนย์ Hertz ก่อน หลังจากที่เขาตรวจสอบยืนยันบัตรเครดิตและใบขับขี่เรียบร้อยแล้ว เขาจะให้แท็ก RFID แบบนี้มาเป็นของเรา
หลังจากนั้นเราก็ทำการจองรถโดยเลือกสถานที่รับ/คืนรถ และเวลาที่ต้องการรับ/คืน แล้วเขาจะมีรายการให้เราเลือกว่ามีรถรุ่นไหนให้เลือกบ้าง และราคาเท่าไหร่ โดยราคาจะคิดเป็นต่อชั่วโมงโดยรวมค่าน้ำมันแล้ว ถ้าน้ำมันหมด เราสามารถใช้การ์ดในรถเติมน้ำมันได้ฟรี
หลังจากที่เราเลือกรถแล้ว พอใกล้ถึงเวลาประมาณ 15 นาทีก่อนรับรถ ก็จะมีอีเมลมาแจ้งรุ่น สี และป้ายทะเบียนของรถที่เราจอง โดยรถจะจอดอยู่ที่จุดจอด Hertz 24/7 ที่เราเลือกไว้ เราก็เอาแท็ก RFID ที่ได้มาไปแปะหน้ารถ รถก็จะเปิดล็อกให้เราเข้าไปได้ โดยกุญแจรถจะอยู่ในรถอยู่แล้ว แล้วก็สามารถขับออกไปได้ทันที หลังจากนั้นพอตอนเราจะคืนรถ ก็แค่ว่าเอารถกลับมาจอดที่ที่กำหนดไว้ แล้วเก็บของออกให้เรียบร้อย ทิ้งกุญแจรถไว้ในรถ แล้วก็เอา RFID ของเราแปะหน้ารถอีกครั้ง รถก็จะล็อก ก็เป็นอันเรียบร้อย
ในวันนี้เป้าหมายแรกที่ไปคือบ้าน Steve Jobs ที่ Palo Alto ก็ได้ไปถ่ายรูปที่หน้าบ้านสักรูปสองรูป ในจังหวะนั้นเอง ก็มีรถ BMW สีบรอนซ์ทอง เป็นผู้หญิงขับ แล้วก็มีเด็กผู้หญิงนั่งอยู่อีกคนขับเข้ามา กรี๊ด! หนีแทบไม่ทัน ดีนะไม่โดนด่า (แค่เค้าอาจจะชินแล้วมั้ง)
ต่อจากนั้นเราก็ไปต่อที่ Mountain View โดยไปถ่ายรูปกับหุ่นแอนดรอยด์ แล้วก็ไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารไทยในดาวน์ทาวน์
แล้วก็สิ่งที่ขาดไม่ได้ เราก็ต้องไปที่ Cupertino เพื่อไปถ่ายรูปกับป้าย 1 Infinite Loop และแวะ Apple Company Store ซึ่งจะเป็นร้านที่ขายของที่ระลึกเช่นเสื้อผ้า แก้ว ปากกา สมุด บลาๆ ตราแอปเปิลทั้งหลายแหล่ สุดท้ายก็โดนเสื้อไป 2 ตัว
ขากลับ เนื่องจากว่าเวลายังเหลืออยู่เล็กน้อย เลยตัดสินใจว่าจะขับผ่าน Stanford กินลมชมบรรยากาศ จริงๆ เกิดความระทึกครั้งนึงใน Stanford เมื่อเผลอเลี้ยวขวาแล้วชิดซ้าย คนที่ขับมาอีกคนชูนิ้วด่าด้วย แต่ถึงงั้นก็ได้เจอวิวสวยๆ ถือว่าชดเชยกันได้
หลังจากนั้นก็ขับกลับมา San Francisco เพื่อเอารถมาคืน ก่อนที่จะเดินไปชมวิวดูบรรยากาศที่ Pier 39 (อารมณ์คล้ายๆ เพลินวาน + Asiatique) ก่อนที่จะเผ่นไปทานข้าวเย็นที่ China Town เพราะอยากประหยัด ก็เป็นอันสิ้นสุดการเที่ยวในวันนี้ที่ San Francisco
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง
JP/US 2014 – Day 10
และแล้วก็เดินทางมาถึงวันสุดท้ายที่ญี่ปุ่น ในวันนี้เรามีกำหนดการในการช็อปปิ้งเป็นหลักอย่างเดียว ก่อนที่ในตอนเย็นจะเดินทางกลับที่สนามบิน Haneda โดยที่ทั้งสามคนออกเดินทางเวลาไล่เลี่ยกัน แต่คนละเที่ยวบินทั้งหมด ของผมเป็น JL ไป SFO ในขณะที่แทนเป็น JL กลับ BKK และกรเป็น NH กลับ BKK
ตอนเช้าหลังจากที่เก็บของ เช็คเอ้าท์และกินข้าวเช้า เราก็ตัดสินค่อยๆ เดินจากแถว Kanda ที่อยู่มายัง Akihabara โดยแทนมีเป้าหมายสำคัญที่จะไปร้านเซ็กซ์ช็อปซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปข้างใน แต่ละคนก็ได้ของติดไม้ติดมือกันมาคนละนิด ยกเว้นแทนที่เยอะมาก ฮ่าๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปที่ Yodabashi ที่เป็นศูนย์รวมขายของไอทีและใกล้เคียงที่ใหญ่มาก ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เคยมาญี่ปุ่นก็เคยใช้บริการแล้วเพื่อซื้อกันดั้มให้เบสท์กับหยอดกาชาปองมากมายไว้เป็นของฝาก ทีแรกเกือบบ้าจี้ซื้อกันดั้ม PG กลับมาให้เบสท์แล้ว แต่ไม่สามารถหาวิธีจะขนกลับมาได้ เลยไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ
พอซื้อของต่างๆ กันเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางมายังสนามบิน Haneda เพื่อเตรียมที่จะเดินทางกลับ จัดการกระเป๋าต่างๆ ของผมเองก็ฝากแทนกลับกรุงเทพฯ ไปเพราะจะต้องไปอเมริกาต่อ ก่อนที่เราจะออกเดินทางประมาณเที่ยงคืนทุกคน โดยรวมแล้วในวันนี้เราแทบจะไม่ได้ถ่ายรูปกันเลย เลยจะมีแค่เพียงภาพเซลฟี่รวมสุดท้ายก่อนแยกย้ายขึ้นเครื่องที่สนามบินภาพนี้
สำหรับผมเองก็ต้องเดินทางมายัง SFO ต่อด้วย JL2 ซึ่งน่าตื่นเต้นตรงที่เป็นเครื่องใหม่ Boeing 787 ก็เลยมีหลายอย่างที่ว้าวอยู่บ้าง (บางอย่างอาจจะเคยมีในเครื่องเก่ากว่านี้ที่อื่น แต่ผมอาจจะไม่เคยขึ้นก็ได้ ขออภัยมา ณ โอกาสนี้) และหลายๆ อย่างเป็นฟีเจอร์ภายในห้องโดยสารที่ไม่แน่ใจว่าในทางเทคนิกแล้วอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการที่เป็น 787 เท่ากับการที่เป็นเครื่องใหม่มากกว่า น่าเสียดายที่รอบนี้ที่ว่างเยอะ อดอัปเกรดเป็น Business Class ฮา…
อย่างแรกคือ ไฟต่างๆ ในห้องโดยสารเหมือนจะกลายเป็นไฟ LED หมดแล้ว แล้วไฟเหลืองๆ ก็เปลี่ยนเป็นไฟขาวทั้งหมด จริงๆ อันนี้ก็ออกจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะสำหรับไฟที่ส่องที่นั่งพอเป็นสีขาวก็รู้สึกว่าแรงกว่าสีเหลืองไปพอสมควรเหมือนกัน
ต่อมาสิ่งที่สังเกตเห็นคือไฟห้องโดยสารทั้งหมดเปลี่ยนสี โดยตอนแรกที่ออกตอนกลางคืนไฟจะเป็นสีฟ้าๆ จนพอปิดไฟให้นอนก็กลายเป็นน้ำเงินเข้ม แล้วจำได้เลยว่าพอดีตื่นตอนจังหวัดเขาจะปลุกมาทานข้าวเช้าก่อนเครื่องลงพอดี เลยได้มีโอกาสเห็นไฟสีน้ำเงินที่ค่อยๆ เฟดเป็นสีแดง ส้ม จนกลายเป็นเหลือง เลียนแบบกับพระอาทิตย์ขึ้นอย่างไงอย่างงั้น
นอกเหนือจากไฟ สิ่งที่ช่วยรักษาบรรยากาศในห้องโดยสารอีกอย่างคือกระจกปรับแสงอัตโนมัติ ที่พออยู่ในช่วงที่อยากให้ผู้โดยสารนอน กระจกทั้งหมดก็จะปรับให้กรองแสง แม้ว่าข้างนอกจะสว่างแค่ไหน แต่ก็จะดูเหมือนกับเป็นตอนเย็นอยู่ จนถึงตอนที่จะให้ผู้โดยสารตื่น เขาก็ปรับกระจกทั้งลำให้มันสว่างขึ้นมาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้โดยสารยังสามารถปรับกระจกของตัวเองได้ด้วยปุ่มอยู่ดีเหมือนกัน
สำหรับที่นั่ง คราวนี้เจอที่ชาร์จ USB เพิ่มมาให้ด้วย (ส่วน AC ก็มีเหมือนกัน แต่เห็นว่าหลายๆ ที่เดี๋ยวนี้มีหมดแล้ว) ที่น่าสนใจคือมี Composite-in สำหรับเสียบอะไรก็ตามที่อยากใช้จอที่นั่งเราดูแทนได้ สำหรับจอเป็นไวด์สกรีนแบบสัมผัสได้ แต่ยังเป็นแบบ resistive นะ
อย่างเดียวที่อยากจะบ่นกับเที่ยวบินนี้คืออาหาร ไม่เอาอ่าวจริงๆ รอบแรกเป็นแซนด์วิชอย่างเดียว กับรอบสองเป็นขนมปังกับซุป ถือว่าแย่มากเทียบกับเที่ยวบิน 10 ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็วาร์ปมาถึง San Francisco ตอนเวลาประมาณสี่โมงเย็นของวันที่ 19 (เหมือนนั่งไทม์แมชชีนกลับมา) ก็นั่งใช้ Wi-Fi ฟรีที่สนามบินอยู่สักพัก ก่อนที่จะออกเดินทางมาในตัวเมืองโดยนั่งรถไฟ BART มา คุณพระ การที่มาจากญี่ปุ่นที่รถไฟกิ๊บเก๋แล้วมาเจอรถไฟเก่าๆ ห่วยๆ นี่ช่างขัดอารมณ์
พอมาถึงก็เดินไปเจอกับตั้มที่โรงแรม ระหว่างทางเจอ Apple Store ก็แวะเข้าไปฉี่ทับ ก่อนที่จะเจอกับตั้ม ออกมาหาอะไรกิน แล้วก็เป็นอันสิ้นสุดอีกวันหนึ่ง
อาห์… คิดถึงปริมาณอาหารจุใจสไตล์อเมริกันจริงๆ
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง