JP/US 2014 – Day 9

หลังจากที่เมื่อวานเราพลาดท่ากับ Tokyo Disneyland มาแล้ว เราจึงหมายมั่นตั้งใจว่าในวันนี้เราจะไม่พลาดกับ Tokyo DisneySea อีก เลยแหกดากถ่อกันไปให้ถึงตั้งแต่ก่อนส่วนสนุกเปิด ก็พบความระทึกใจอีกอย่างว่า ขนาดเราไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วแล้ว (เพราะซื้อแล้วตั้งแต่เมื่อวาน) แค่แถวรอคิวจะเข้าสวนสนุกก็ยาวไปถึงมัลดีฟ! เลยกลายเป็นว่าเราต้องใช้เวลาอีกประมาณ 30 – 40 นาทีกว่าจะได้เข้าสวนสนุก

ทันทีที่เข้าไปได้ เราก็รีบเทเลพอร์ตไปที่ Tower of Terror และใช้มุกเดิมคือจิ้ม FastPass คู่ไปด้วย หลังจากนั้นก็พยายามบริหารเวลาอย่างดีเยี่ยมทั้งการต่อแถวและจิ้ม FastPass จนสุดท้ายสามารถเล่นอันหลักๆ ได้เกือบหมด แม้กระทั้งม้าหมุน จะพลาดไปมากๆ ก็มีแค่ Toy Story Mania ซึ่งเป็นของใหม่ และดันไม่สามารถจะแย่งชิงได้ไหว

และเนื่องจากวันนี้เรามาตั้งแต่เปิด และมีแรงอยู่พอจนถึงปิด เลยมีโอกาสได้ถ่ายรูปเล่นและได้ดูโชว์กลางคืนด้วย แต่น่าเสียดายที่เนื่องจากลมแรง จึงทำให้ดอกไม้ไฟถูกยกเลิกไป (เซ็งเป็ด)

IMG_0960

IMG_0980

IMG_0987

หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับ โดยตอนแรกตั้งแต่ว่าจะแวะที่สถานี Tokyo เพื่อแวะไปกินซูชิ 80 เยนที่เคยเจอเมื่อวันก่อน แต่เนื่องจากกว่าจะเดินทางไปถึงก็ดึกมากแล้ว พร้อมกับไม่แน่ใจทาง เราจึงเปลี่ยนใจเลี้ยวเข้าร้านซูชิที่เดินผ่านอีกร้านนึงแทนซึ่งราคาแพงกว่า แต่แทนผู้เชี่ยวชาญด้านซูชิบอกว่าเริศกว่ามาก แต่ว่าฉันเองไม่ได้กินเพราะว่าแพงไป ขอขโมยรูปของแทนมาอวด

IMG_0977

IMG_0978

หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักใน Kanda และก็จบไปอีกวัน พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ในญี่ปุ่นแล้ว

หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง

JP/US 2014 – Day 5

วันนี้เริ่มต้นโดยการที่เราต้องนัดเจอกับกรที่สถานีโตเกียวในตอนเช้า เพื่อนั่งรถไฟไป Kusatsu ซึ่งเป็นเมืองรีสอร์ทออนเซนที่ติดอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น หลังจากที่เจอกันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะเดินเล่นอยู่รอบๆ สถานีโตเกียวเพื่อรอรถไฟรอบบ่ายสอง ก็มีการแวะไป Imperial Palace อีกรอบ ก่อนที่จะเดินทางไปกินซูชิ(อีกแล้ว)ที่แถว Tsukiji โดยตอนแรกตั้งใจว่าจะไปทานร้านที่สองที่เราทานเมื่อวันแรก

IMG_0354

ปรากฎว่าระหว่างทางเจอร้านซูชิอีกร้านที่ราคาโดนใจมาก เริ่มต้นที่คำละ 80 เยน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับลิ้นจรเข้อย่างเราที่ไม่ได้รับรู้อะไรมาก (แต่เห็นแทนบอกว่าสู้ร้านที่จะไปไม่ได้) ก็เลยกินไปซะเกือบ 1,500 เยน

IMG_0362

IMG_0364

หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟไป Kusatsu โดยเป็นการเดินทางที่หลายต่อมาก เริ่มตั้งแต่ชินคันเซน ไปนั่งรถไฟธรรมดา ไปนั่งรถบัส แล้วจบด้วยการเดินไปที่เรียวคังที่จองไว้ เนื่องจากว่านี่จะเป็นเรียวคังเดียวที่เราได้พักตลอดทริป เลยคิดว่าเอาให้ได้บรรยากาศเลยจองไว้แบบฮาล์ฟบอร์ดแต่แรกไปเลย โดยทางเรียวคังคิดค่าอาหารเย็นคนละ 3,600 เยน ทีแรกก็รู้สึกนะว่าแพงมากเหมือนกัน และคิดว่าก็คงงั้นๆ ปรากฎว่า แม่เจ้า เยอะ! เยอะมากจริงๆ เป็นแนวญี่ปุ่นจริงๆ คือจะมีหลายอย่างมากๆ แต่อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่โดยรวมๆ ก็ถึงว่าเยอะและแน่นมาก ที่คือภาพบรรยากาศสภาพก่อนและหลังสงคราม

IMG_0495

IMG_0384

หลังจากนั้นเราก็ได้ไปแช่ออนเซนของเรียวคัง ซึ่งคราวนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้มีโอกาสแช่น้ำที่เป็นน้ำจากธรรมชาติจริงๆ ไม่ใช่แบบอ่างน้ำร้อนแบบตอนพักที่แคปซูล ก็ค้นพบว่ามันร้อนมากเลยพี่ชาย! และรู้สึกได้เลยว่าน้ำลื่นๆ แปลกๆ ไม่ใช่น้ำธรรมดา นอกจากนี้แล้วที่เรียวคังยังมีทั้งบ่อออนเซนแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ เราก็เลยลองแม่งทุกบ่อเลย พบว่าการแช่ออนเซนเอาท์ดอร์นี่ได้บรรยากาศเยี่ยมจริงๆ

IMG_0469

หลังจากแช่ออนเซนกันเรียบร้อย ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดของเขา นั่งเม้าท์มอยกันสักพัก แล้วก็หลับเป็นอันสิ้นสุดอีกวัน

IMG_0288

หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง

JP/US 2014 – Day 1

วันนี้จะเป็นวันแรกของการเดินทาง 1 เดือนไปญี่ปุ่นกับอเมริกา โดยที่จะเริ่มจากญี่ปุ่นก่อน ทริปแรกในส่วนของญี่ปุ่นจะมีผู้ร่วมอุดมการณ์อยู่สองคนคือแทนกับกร โดยที่แทนจะเดินทางไปพร้อมกันในคืนวันที่ 9 มีนาคม (เช้า 10 มีนาคม) ส่วนกรจะตามไปญี่ปุ่นเองทีหลังถัดไปอีกหนึ่งวัน

ความตื่นเต้นของการเดินทางเริ่มต้นที่เนื่องจากว่าทั้งผมและแทนจองตั๋วแยกจากกัน เพราะว่าเส้นทางไม่เหมือนกัน ของผมต้องไปเป็นตั๋วแบบไปอเมริกาแล้วแวะพักที่ญี่ปุ่น ในขณะที่ของแทนเป็นตั๋วไปกลับญี่ปุ่นปกติ เราจึงไม่สามารถวางแผนที่จะจองที่นั่งไว้ก่อนได้ เพราะถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้ที่นั่งติดกันที่ติดทางเดิน ก่อนหน้านี้เคยพยายามโทรไปหา JAL แล้ว แต่เค้าบอกว่าเครื่องมันเต็มมาก เลยจองให้ไม่ได้ เลยกะไปรอลุ้นว่า 72 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องขึ้นปุ๊ปจะรีบเช็คอินเลือกที่ไว้เลย

ปรากฏว่า พอถึงเวลา 72 ชั่วโมงที่ว่า ผมก็รีบล็อกอินเข้าไปเพื่อจะเช็คอินในระบบ ปรากฏว่าแม่เจ้า! เหลืออยู่ 5 ที่ แล้วทั้งหมดดันเป็นแถวหลังสุดของบล็อกติดห้องน้ำ ตอนนั้นเลยคิดว่า เอาวะ รีบไปเช็คอินหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้ ตามกำหนดเครื่องออกตี 1 ก็ไปซะตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่าๆ ปรากฏพอเข้าไปเช็คอิน พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็งงๆ เหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่าง สักพักพนักงานอีกคนที่เหมือนว่าน่าจะใหญ่กว่าก็เข้ามา คุยๆ อะไรกันสักพัก แล้วก็ถามขึ้นมาว่า “คุณณัชกับคุณนพวิทย์จะไปทำอะไรกันที่ญี่ปุ่นคะ” แว้บแรกในใจก็คิดขึ้นมาว่า “อีดอกจะเสือกอะไร” แล้วก็ตอบไปว่า “อ๋อ ไปเที่ยวครับ” พนักงานจึงตอบกลับมาว่า “เนื่องจากว่าที่นั่งเต็ม เราเลยต้องอัปเกรดให้เป็น BC นะคะ” พอเราได้ยินแว้บแรกยังงงๆ อยู่ ก็ถามกลับไปว่า “อะไรนะครับ?” “ตอนนี้ที่นั่ง Economy Class ไม่มีที่ว่างแล้ว ทางเราเลยจะย้ายให้ไปนั่ง Business Class ค่ะ” พร้อมกับถามติดตลกว่า “หรือจะไม่เอาคะ?” เอ้า อีห่านี่ก็เอาสิ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้จับพลัดจับผลูนั่ง BC เฉย เก๋ซะไม่มี (แต่ถ้าได้อัปเกรดตอนที่เป็น HND-SFO จะดีใจกว่านี้มาก อันนั้นเป็นเครื่อง 787)

และด้วยบุญวาสนาในชาติปางก่อน ก็เลยทำให้เราได้มีโอกาสนั่ง BC กับเขาบ้าง มีซูชิในจานปกติให้กิน ขวดโชยุน่ารักเชียว ที่ฟินสุดมันอยู่ที่ว่า ที่นั่งมันทำเป็นเตียงราบได้เนี่ยแหละ (ถึงอยากได้เป็นขา HND-SFO ที่นานกว่านี้)

Image

ข้ามเวลามาในตอนเช้า พอมาถึงที่ NRT ตามแผนการเดิมเราก็ตั้งใจว่าจะไปดูสวนสตรอเบอร์รี่ที่ชิบะเพราะใกล้นาริตะอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเปลี่ยนแผนกันว่าเข้าโตเกียวเลยแล้วกัน เพราะถ้าขากลับไม่ได้นั่ง Narita Express จะใช้เวลาพอสมควรกว่าจะกลับถึงโตเกียว (เสียดายเวลา) จากไร่สตรอเบอร์รี่เลยกลายเป็น Ginza และตลาดปลา Tsukiji แทน

ตรงนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ นอกจากว่าได้ชิมลมชมบรรยากาศ แวะเข้าไปสักการะ Apple Store แล้วก็เดินไปต่อถึงที่ Tsukiji ระหว่างทางก็เจอร้านซูชิประปราย แต่ด้วยความที่เราคิดว่า เห้ย ไปกินตรงตลาดน่าจะถูก/สดกกว่าน่า ก็เลยข้ามๆ ไป ทีแรกก็นึกว่าจะได้ไปลองกินซูชิร้านดังที่ชื่อว่าซูชิไดอะไรนั่น แต่พอไปถึง คุณพระ! แถวยาวยังกับจู๋ภูวัน แม่งยัดกัญชาแทนวาซาบิหรืออะไร เลยตัดสินใจเดินๆ ดูร้านอื่นใกล้ๆ ที่ว่างๆ แทน (ซึ่งดูไปดูมาก็น่าสงสารนะ แบบ ร้านอยู่ติดๆ กัน และว่าง แต่คนก็ยังอุตสาห์จะต่อแถวกินอีกร้าน โถ…)Image

สุดท้ายเราก็ตัดสินใจมาร้านนี้ ก็กินไปคนละชุดเพราะง่ายดีไม่ต้องสื่อสาร ก็กินไปกะว่าจะยังไม่เอาอิ่ม กะกินเรื่อยๆ ลองหลายๆ ที่ดีกว่า พอกินเสร็จจ่ายเงินออกมา ก็มาเดินดูร้านอื่นรอบๆ ตลาดก็ยังไม่เจอร้านที่โดนใจและโดนเงินในประเป๋า จนแทนบอกว่า งั้นเรากลับไปกินร้านนอกตลาดที่เดินผ่านมาดีกว่า เพราะคิดเลขแล้วบางเมนูยังถูกกว่าด้วยซ้ำ ก็เลยเดินกลับมาร้านนี้

เข้าไปแล้วได้ดูเมนูละเอียดๆ อีกทีแล้วก็พบว่า โว๊ะ ถูกกว่าร้านโทรมๆ ในตลาดอีก แต่สุดท้ายผมเองก็สังอีกนิดเดียวเพราะเริ่มเสียดายเงิน ไม่ค่อยรับรู้ความแตกต่างของซูชิแบบต่างๆ เท่าไหร่ เลยปล่อยให้แทนมีความสุขกับซูชิพวกนั้นไป จบ เรียบร้อย ก็ไปต่อที่ Imperial Palace ที่อีกด้านของสถานีโตเกียว แวะถ่ายรูปสักนิด แล้วก็ตัดสินใจไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ Yokohama ซึ่งต้องนั่งรถไฟไปอีกสักพัก เป็นอันจบรายการในวันนี้

Image

ที่เซอร์ไพรส์ต่อมาคือ กรที่เดิมจะต้องมีกำหนดการเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ต้องเลื่อนการเดินทางอย่างกระทันหันด้วยอุบัติเหตุทางการศึกษา เลยกลายเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการในช่วงวันกลางๆ อย่างยิ่งยวด (ติดตามตอนต่อไป)

สุดท้ายในวันนี้เราก็ไปพักที่โรงแรมแคปซูลใน Kanda ซึ่งจะเป็นที่พักหลักของเราในโตเกียวตลอดทริป ด้วยเหตุผลที่ว่ามันถูกมาก แม้ว่าจะถูกกว่าโฮสเทลไม่มาก ได้แต้มกับเว็บที่ใช้จองคุ้ม (เหยื่อการตลาด) ก็เป็นอันจบวันแรกไปด้วยดี

หมายเหตุ: อันนี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง