Tag: Tokyo
Review: The Prince Gallery Tokyo Kioicho
สำหรับทริปครั้งนี้ก็มีโอกาสได้ไปพักโรงแรมใน SPG ที่โตเกียวที่เคยเล็งๆ ไว้หลายรอบแต่ไม่ได้เคยไปสักที คือ The Prince Gallery Tokyo Kioicho โดยโรงแรมนี้จะอยู่ในแบรนด์ The Luxury Collection เพราะงั้นระดับของมันก็จะประมาณเดียวกับ St.Regis หรือ W ที่มีความเป็นเอกเทศน์ของตัวเองในแต่ละโรงแรมอยู่ และสุดท้ายตัดสินใจพักเพราะคำนวณแล้วจะเป็นการปิดปีนี้ด้วยคืนที่ 75 ได้เป็น Platinum Premier พอดี Continue reading “Review: The Prince Gallery Tokyo Kioicho”
Quick Look: Thai Airways A380 Royal First BKK-NRT
จากความเดิมที่แลกไมล์สุดคุ้มเส้นทาง SYD-BKK-NRT มา ก็ได้ฤกษ์ใช้บริการสักทีในเที่ยวบิน TG676 เส้นทางกรุงเทพฯ ไปโตเกียวนาริตะ ในเช้าวันที่ 4 ธันวาคม ก่อนช่วงหยุดยาว
เพื่อเป็นที่ระลึก เลยจะขอลงไว้ย่อๆ แต่คิดว่าคงไม่ใช่รีวิวอะไรเพราะคงมีคนรีวิวไว้เยอะแล้ว มาเริ่มเลยแล้วกัน Continue reading “Quick Look: Thai Airways A380 Royal First BKK-NRT”
Journey to Cubic Challenger Camp JP
เมื่อไม่กี่วันก่อนผมเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจงานค่ายของคิวบิกครีเอทีฟที่มีชื่อว่า Cubic Challenger Camp JP ซึ่งเป็นที่หมายใหม่จากค่าย Cubic Challenger Camp เดิมที่จัดที่ประเทศสิงคโปร์ (และปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Cubic Challenger Camp SG แล้ว)
โครงการนี้จริงๆ เกิดขึ้นถือว่าค่อนข้างเร็ว โดยเริ่มเตรียมการจริงๆ ตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ ซึ่งไหนๆ ก็รู้สึกว่าโครงการนี้เป็น milestone หลักไมล์ที่สำคัญอันหนึ่ง เลยคิดว่าอยากจะจดบันทึกไว้สักหน่อยว่าเกิดอะไรบ้างในกระบวนการที่ผ่านมา Continue reading “Journey to Cubic Challenger Camp JP”
Fujikawaguchiko Trip 2017 – Day 1
ปีนี้ได้มีโอกาสทำตัวเป็นมนุษย์เงินเดือนบ้าง โดยการออกเดินทางไปแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวกับผู้ร่วมชะตากรรมในช่วงสงกรานต์ โดยในคราวนี้ที่บ้านตัดสินใจจะจัดทริปไปที่ Fujikawaguchiko (ทะเลสาปตรงฟูจิ) ซึ่งในวันแรกของการหยุดยาววันที่ 13 เมษายนนี้ หลักๆ ก็คือการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปหาพี่สาวที่โตเกียว
เริ่มต้นจากการแตกขี้ตาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ครึ่ง และออกจากบ้านราวๆ ตีห้าเศษ แม้ว่าเที่ยวบินจะออกเดินทางเก้าโมงกว่าๆ แต่ก็เพราะว่าไม่แน่ใจว่าวันนี้สภาพการเดินทางจะเป็นอย่างไร เลยคิดว่าเผื่อเวลากันไว้ก่อนดีกว่า Continue reading “Fujikawaguchiko Trip 2017 – Day 1”
JP/US 2014 – Day 9
หลังจากที่เมื่อวานเราพลาดท่ากับ Tokyo Disneyland มาแล้ว เราจึงหมายมั่นตั้งใจว่าในวันนี้เราจะไม่พลาดกับ Tokyo DisneySea อีก เลยแหกดากถ่อกันไปให้ถึงตั้งแต่ก่อนส่วนสนุกเปิด ก็พบความระทึกใจอีกอย่างว่า ขนาดเราไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วแล้ว (เพราะซื้อแล้วตั้งแต่เมื่อวาน) แค่แถวรอคิวจะเข้าสวนสนุกก็ยาวไปถึงมัลดีฟ! เลยกลายเป็นว่าเราต้องใช้เวลาอีกประมาณ 30 – 40 นาทีกว่าจะได้เข้าสวนสนุก
ทันทีที่เข้าไปได้ เราก็รีบเทเลพอร์ตไปที่ Tower of Terror และใช้มุกเดิมคือจิ้ม FastPass คู่ไปด้วย หลังจากนั้นก็พยายามบริหารเวลาอย่างดีเยี่ยมทั้งการต่อแถวและจิ้ม FastPass จนสุดท้ายสามารถเล่นอันหลักๆ ได้เกือบหมด แม้กระทั้งม้าหมุน จะพลาดไปมากๆ ก็มีแค่ Toy Story Mania ซึ่งเป็นของใหม่ และดันไม่สามารถจะแย่งชิงได้ไหว
และเนื่องจากวันนี้เรามาตั้งแต่เปิด และมีแรงอยู่พอจนถึงปิด เลยมีโอกาสได้ถ่ายรูปเล่นและได้ดูโชว์กลางคืนด้วย แต่น่าเสียดายที่เนื่องจากลมแรง จึงทำให้ดอกไม้ไฟถูกยกเลิกไป (เซ็งเป็ด)
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับ โดยตอนแรกตั้งแต่ว่าจะแวะที่สถานี Tokyo เพื่อแวะไปกินซูชิ 80 เยนที่เคยเจอเมื่อวันก่อน แต่เนื่องจากกว่าจะเดินทางไปถึงก็ดึกมากแล้ว พร้อมกับไม่แน่ใจทาง เราจึงเปลี่ยนใจเลี้ยวเข้าร้านซูชิที่เดินผ่านอีกร้านนึงแทนซึ่งราคาแพงกว่า แต่แทนผู้เชี่ยวชาญด้านซูชิบอกว่าเริศกว่ามาก แต่ว่าฉันเองไม่ได้กินเพราะว่าแพงไป ขอขโมยรูปของแทนมาอวด
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักใน Kanda และก็จบไปอีกวัน พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ในญี่ปุ่นแล้ว
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง
JP/US 2014 – Day 8
สำหรับวันนี้และพรุ่งนี้เรามีกำหนดการที่จะเที่ยว Tokyo Disney Resort กันครับ โดยที่ในวันนี้จะไป Tokyo Disneyland ก่อน ส่วนในวันพรุ่งนี้ถึงจะไป Tokyo DisneySea ตอนแรกก่อนที่จะมาก็พอคาดเดาไว้แล้วว่า จำนวนคนที่มาน่าจะเยอะกว่าที่เคยมาช่วงเดือนธันวาคมอยู่พอสมควร เลยจะต้องทำเวลารีบมาตั้งแต่เปิด แต่พอมาถึงแล้วก็พบว่า แม่เจ้า! คนเยอะกว่าที่คิดไว้อีกสี่ล้านห้าแสนหกหมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเท่า จนกลายเป็นว่ากว่าเราจะซื้อตั๋วจนเข้าไปในสวนสนุกได้ ก็ใช้เวลาปาเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้ว
พอเข้าไปได้ อย่างแรกที่ไปเล่นก่อนเลยคือ Space Mountain โดยจิ้มทั้ง FastPass และต่อแถวไว้ ใช้เวลาต่อคิวประมาณเกือบ 2 ชม. ได้ แล้วตอนที่เล่นเสร็จตอนแรกก็กะว่าจะไปเล่น Big Thunder Mountain Railroad ต่อ แต่ปรากฎว่ามันปิดอยู่ เลยไปเดินๆ ต่อคิว/กด FastPass อย่างอื่นแทน สุดท้ายได้เล่นแค่ Space Mountain 2 รอบ, It’s a Small World, Haunted Mansion, Star Tours, Beaver Brothers Explorer Canoes และ Dumbo Ride (อันสุดท้ายนี่งี่เง่าจริงๆ)
สำหรับของกิน ทีแรกแอบวางแผนไว้ว่าจะลักลอบเอาโอนิกิริเข้าไป แต่พอตอนเช้ารีบๆ เลยไม่ทัน ต้องกินแต่ของแพงๆ ในดิสนีย์แลนด์ แต่ก็แอบประทับใจไอศกรีมแซนด์วิชรูปมิกกี้เมาส์อันนี้เป็นพิเศษ (ราคา 300 เยน จะบ้า)
จนสุดท้ายพอเรากำลังตัดสินใจว่าจะกลับ ก็เหลือบไปเห็นว่า Big Thunder Mountain เปิดแล้ว และ FastPass ก็หมดเกลี้ยง เลยเดินไปถามพนักงานอย่างมีความหวังว่าตอนนี้ถ้าต่อคิวกี่นาที ได้คำตอบกลับมาว่า 3 ชั่วโมง เลยบายกลับดีกว่า (ก่อนกลับ ขอทิ้งท้ายตามกระแสเซลฟี่)
หลังจากพอกลับออกมากำลังจะกลับไปที่พักที่ Kanda ก็ค้นพบกับความระทึกใจอีกอย่างคืน เราหาล็อกเกอร์ที่ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี Tokyo ไม่เจอ! ต้องใช้เวลาทำเควสตามหาอีกชั่วโมงกว่าๆ เดินไปเดินมา กว่าจะกลับถึงที่พักและได้กินข้าวเย็นก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มได้
เราจึงหมายมั่นตั้งใจว่า พรุ่งนี้จะต้องไม่พลาดอย่างนี้อีกแล้ว!
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง
JP/US 2014 – Day 7
วันนี้ในตอนเช้ากำหนดการแรกของเราคือไปที่ Fujiko-F-Fujio Museum ที่เมือง Kawasaki ซึ่งตอนแรกก็แอบแปลกใจว่าทำไมต้องซื้อตั๋วล่วงหน้า และต้องกำหนดวันและเวลาไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนได้ พอมาถึงก็ถึงบางอ้อว่า เชี่ย! คนเยอะสัด
ระหว่างที่เดินทางไป ต้องมีการเดินผ่านตัวเมืองด้วย ก็รู้สึกว่า เมืองแถวนั้นดูชานเมืองสงบดีมากๆ ให้บรรยากาศในเรื่องโดราเอมอนสุดๆ ไม่ว่าจะถนน บ้านเรือน หรือคูคลองไรงี้ สำหรับตัวพิพิธภัณฑ์เองจะมีเรื่องราวและผลงานต่างๆ ของ Fujiko ซึ่งด้วยการที่เป็นคนที่โตมากับโดเรเอมอน พอได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นที่มาแล้วก็ทำให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ ดีเหมือนกัน น่าเสียดายที่ข้างในเขาไม่ให้ถ่ายรูป เลยจะมีแต่รูปจากโซนข้างนอกที่สำหรับให้ถ่ายโดยเฉพาะ
แต่ว่าน่าเสียดายแทนไม่อินเพราะว่าแทนไม่เคยได้อ่านโดราเอมอน แทนเลยขอออกไปก่อน ปล่อยแค่ผมกับกรดูต่อไป จนดูเสร็จก็มาเจอศพที่หน้าพิพิธภัณฑ์
หลังจากนั้นเราก็รีบเดินทางไปที่สถานี Kajikaya เพื่อ Nagomi Cooking Visit เป็นลักษณะของการที่เราไปเยี่ยมบ้านคนที่ญี่ปุ่น แล้วเค้าจะสอนทำอาหาร โดยที่ของที่เราไปจะเป็นทำเบนโตะรูปตัวการ์ตูน Pikachu โดยส่วนใหญ่เขาจะให้เราทำเฉพาะส่วนที่ง่ายๆ หรือเป็นส่วนประดิษฐ์ประดอย อย่างส่วนของทำแผ่นไข่สำหรับห่อข้าวที่ยากๆ อันนี้เขาจะทำไว้ให้
โฮสต์ของเราชื่อ Yuko เป็นคนญี่ปุ่น แต่ว่าแต่งงานกับสามีชาวเวเนซูเอล่า ทั้งสองคนก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ก็สนุกดีทั้งในส่วนการทำอาหาร และส่วนการพูดคุยต่างๆ แต่ก็จะแปลกตาสักหน่อยเพราะภาพจะออกมากลายเป็นชายหนุ่มกลัดมัน 3 คนมางมทำอาหารกัน ขนาดคน Yuko ยังดูจะตื่นเต้นมากถ่ายรูปใหญ่เลย ฮ่าๆ
หลังจากเสร็จจาก Nagomi Cooking Visit เราก็เดินทางไปเที่ยวที่ Tokyo Dome Attractions เป็นสวนสนุกในเมืองโตเกียวที่ Tokyo Dome ที่เด็ดๆ จะมีโรลเลอร์โคสเตอร์ชื่อ Thunder Dolphin นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเล่นธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ก็ไปเล่นกันขำๆ ก่อนที่จะกลับที่พักโรงแรมแคปซูลที่ Kanda ก็สิ้นสุดอีกวัน
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง
JP/US 2014 – Day 6
วันนี้ในตอนเช้าก่อนออกจาก Kusatsu ก็แช่ออนเซนอีกรอบ แล้วไปเดินเที่ยวในเมือง จะมีบ่อน้ำพุร้อน Yubatake กลิ่นเหม็นมาก แล้วก็ทานอาหารแถวนั้น เป็นร้านเนื้อย่างที่แอบแพง แต่ก็อร่อยมากเหมือนกัน ก่อนที่จะต้องรีบขึ้นรถบัสเพื่อทีจะให้ทันรถไฟด่วนเที่ยวเดียวกลับมาโตเกียวที่สถานี Ueno
พอมาถึงที่โตเกียวแล้ว กำหนดการในตอนเย็นวันนี้ของพวกเราคือไปที่ Tokyo SEGA Joypolis ที่เป็นส่วนสนุกในอาคารของ SEGA ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเครื่องเล่นหรือเครื่องเกมของ SEGA เอามาให้เล่นกัน ซึ่งเดาว่าส่วนใหญ่ SEGA ทำมาไว้ขายเจ้าอื่นด้วยอีกที มีโรลเลอร์โคสเตอร์แบบต้องยิงผีไปด้วย มีเกมแข่งกรีฑาของโซนิก หรือเกมแข่งรถแบบหมุนได้ 360 องศาด้วยอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นแนวไฮเทคหน่อยๆ บางเกมเป็นเกมที่เคยเห็นมีเล่นที่เมืองไทยแบบหยอดเหรียญด้วย ซึ่งจากที่เคยมาเมื่อ 4 ปีที่แล้วก็พบว่ามีของใหม่แค่อันสองอันเองมั้งรู้สึก
แต่ของใหม่อันนึงแน่ๆ ที่ครั้งที่แล้วที่มาไม่มีแน่ๆ คือเกมที่โถฉี่ของห้องน้ำฝั่งชาย จะมีเป้าแปะอยู่ ถ้ายิ่งฉี่โดนเป้าได้มากก็จะได้คะแนนอะไรแบบนี้ แถมวัดด้วยว่าฉี่ไปกี่มิลลิลิตร บ้าดี
อีกอันนึงที่ออกจะฮาๆ คือบ้านผีซาดาโกะ ที่แบบเดินๆ เข้าไปจริงๆ ไม่มีอะไร แต่จะมีซาดาโกะออกมาให้เรากรี๊ดกร๊าดเล่น ซึ่งคิดว่าไม่ใช่บ้านผีที่หวือหวามาก แต่ซาดาโกะโผล่มาทีก็อยากจะหนีไปไกลๆ อยู่ดี
พอเสร็จเล่นจน Joypolis ปิดตอนห้าทุ่มออกมา ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาถ่ายรูปกับ Rainbow Bridge แต่เพิ่งมาค้นพบว่ามันไม่เปิดไฟ (จนตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าตกลงมันมีกำหนดการเวลาหรือยังไง) ก็เลยกลายเป็นต้องถ่ายรูปกับ Rainbow Bride แบบแห้งๆ แบบนี้แทน
และสุดท้ายก็ไปพักที่โรงแรมแคปซูลใน Shinjuku เป็นอันจบข่าว
หมายเหตุ: โพสท์นี้เป็นโพสท์ย้อนหลัง