เมื่อไม่กี่วันมานี้ คิวบิกครีเอทีฟเพิ่งประกาศตัวเลขผลการดำเนินการต่างๆ (อย่างไม่เป็นทางการ) และผมคงต้องบอกเลยว่าผมเองพอใจกับผลอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเกี่ยวกับประเด็น sustainability ความยั่งยืนทางการเงิน
ที่ผ่านมาผมเองต้องคอยตอบคำถามซ้ำๆ เกี่ยวกับศักยภาพในการเติบโตของคิวบิกครีเอทีฟในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถ้าพูดในทางธุรกิจจริงๆ ตัวเลขทางการเงินของคิวบิกครีเอทีฟถือว่าเติบโตอยู่ในระดับที่ช้ามาก ผมก็มักจะมีคำตอบที่ดูเหมือนง่ายๆ ของผมอยู่ว่า “อยากให้คิวบิกฯ โตเมื่อมันพร้อมเท่านั้น”
เรื่องนี้คงเป็นความเชื่อที่เถียงกับคนนู้นคนนี้ในแวดวงได้ไม่รู้จบ แต่สำหรับผมเอง ผมมีความเชื่อว่าถ้าเราพยายามบังคับองค์กรเพื่อวิ่งตามเป้าตัวเลขอะไรบางอย่าง มันอาจทำให้เราเร่งรีบจนลืมคุณค่าหรือวิสัยทัศน์ที่เป็นหัวใจสำคัญขององค์กรจริงๆ ไปได้ ซึ่งผมเองคิดว่าเรื่องนี้เป็นกับดักที่น่ากลัว เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนในองค์กรไม่อินกับคุณค่าเหล่านั้น ธุรกิจอาจจะดำเนินไปได้ในฐานะของธุรกิจ สร้างกำไรได้ แต่ก็คงน่าเสียดายที่มันคงไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรที่มีนัยสำคัญให้กับโลกนี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนที่มันได้สัมผัส
สำหรับคิวบิกฯ ผมเองมีความตั้งใจอย่างสุดตีนเท้าว่า มันจะต้องไม่เติบโตไปในรูปแบบนั้น ผมจึงให้ความสำคัญกับคุณค่าและวิสัยทัศน์ขององค์กร และพัฒนามันไปตามพันธกิจที่เราตั้งใจไว้ทั้ง 6 ข้อไปพร้อมๆ กันอย่างมั่นคง (พันธกิจ 6 ประการของคิวบิกฯ คือ Products, Knowledge, Human Resources, Alliance, Infrastructure และ Sustainability) และเมื่อมันพร้อม ผมเชื่อว่ามันจะเติบโตไปได้อย่างมั่นคง และไม่ต้องเครียดไม่ต้องเหนื่อยเกินกว่าความจำเป็นอีกด้วย
หากเปรียบเหมือนว่าวที่ทุกๆ คนแถวนี้คงชอบชักกัน ถ้ามันไม่มีลม เราชักให้ตายยังไงมันก็คงไม่ขึ้น แต่ถ้าเราใจเย็น เก็บแรง เอาเวลาไปเตรียมร่มให้สวยให้แข็งแรง อดทนรอจังหวะที่ลมมันมาแล้วค่อยชักว่าวให้สุดแรงเกิด แน่นอนว่ามันก็คงจะขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้โดยไม่ยากเย็นนัก
มาถึงตอนนี้ จังหวะที่ลมกำลังมา ผมคิดว่าคิวบิกครีเอทีฟก็พร้อมที่จะโบยบินขึ้นไปแล้ว
แล้วคุณล่ะ พร้อมจะมาชักว่าวกับผมหรือยัง?