ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกทีแล้ว บรรยากาศการแสดงความคิดเห็นบนพื้นที่ต่างๆ ก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อสักครู่นี้ผมย้อนไปอ่านบล็อก Monopoly Parliament ที่ผมเขียนขึ้นตั้งแต่สมัยยังใช้ชื่อ NuttyGM อยู่ ตอนนั้นเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2548 พอดี นึกย้อนไปก็ใจหายเหมือนกันครับว่า เราก็ไม่ได้คิดเลยเหมือนกันว่าการเมืองไทยจะก้าวดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ (ทีแรกจะพิมพ์คำว่าก้าว แต่คิดอีกทีมันมีความหมายในเชิงบวกไปหน่อยเลยไม่เอาดีกว่า)
ถ้าใครมาถามผมว่าผมจะเลือกเบอร์อะไร ผมก็คงตอบเหมือนเดิมอย่างที่ตอบตลอดตั้งแต่มีสิทธิ์เลือกตั้ง คือไม่ไปเลือก (ตั้งแต่มีสิทธิ์มา ไม่เคยไปเลือกตั้งหรือลงประชามติสักครั้งเดียว) โดยที่จุดยืนของผมเองก็คงยังเป็นเหมือนเดิมคือ ผมไม่เชื่อในประชาธิปไตย (ไม่แน่ใจว่าผิดรัฐธรรมนูญมั้ยที่พูดแบบนี้?)
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้มีความคิดทางการเมืองที่รุนแรงถึงขนาดที่ว่าอยากจะเปลี่ยนประเทศไทยไปใช้ระบอบไหนหรอกนะครับ (หรือถ้าพูดให้ถูก ต้องบอกว่าไม่ได้มีไอเดียที่ดีกว่าที่ใช้อยู่กันในปัจจุบัน) โดยส่วนตัวถึงแม้จะไม่เชื่อ แต่ก็กล้าพูดว่ายอมรับที่จะอยู่ภายใต้ระบบที่มีอยู่ปัจจุบัน
ในอดีตที่ผ่านมา ผมเองไม่เคยรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรไม่ว่าใครจะได้ขึ้นมามีอำนาจด้วยวิธีการใด เหตุหนึ่งคงเป็นเพราะมันก็ยังไม่ได้มีอะไรมากระทบกับชีวิตผมเองตรงๆ
แต่ผมเองก็เป็นคนที่ชอบคุยเรื่องการเมืองนะครับ ยิ่งในช่วงนี้ที่การเมืองร้อนแรง การพูดคุยก็ยิ่งสนุกสนานยิ่งขึ้นไปด้วย จะว่าไปมันก็เหมือนถกเถียงกันเรื่องวิทยาศาสตร์นะครับ ฟังคนยกหลักฐาน ยกข้อมูลมาประชันกัน มันก็ประเทืองปัญญาเราดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม
ถึงกระนั้น ก็จะมีความคิดเห็น หรือหลักฐานข้อมูลบางส่วนที่โดยส่วนตัวผมจะรู้สึกรำคาญเวลามีใครยกขึ้นมา และหากจะต้องไปเลือกสักเบอร์นึงจริงๆ คงไม่ใช้ข้อมูลหลักฐานเหล่านี้มาประกอบการพิจารณาเลย ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างมาบางส่วน ได้แก่
- เรื่องรัฐบาลสั่งฆ่าประชาชน (หรือในทางกลับกัน หาว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีการปะทะ) เพราะผมคิดว่า มันไม่มีรัฐบาลโง่ที่ไหนจะสั่งฆ่าประชาชนให้ตัวเองลำบากอยู่แล้วล่ะครับ และเหตุการณ์ในครั้งนั้นผมว่ามันวุ่นวายเกินกว่าที่เราจะจับต้นชนปลายและสรุปได้ว่าใครเริ่มโจมตีใคร ต่อจะให้มีความพยายามในการสืบสวนเท่าไหร่ความจริงก็ไม่มีวันกระจ่าง การที่จะยกความผิดให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยปริยายมันจึงเป็นความคิดที่ตื้นเขินเกินไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับการที่มีคนตายนะครับ แต่ผมก็กล้าพูดว่าเพราะผมไม่ใช่ญาติพี่น้องกับคนเหล่านั้น ก็คงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเท่ากับคนอื่น แต่เวลาเห็นฝ่ายนั้นเอาคนตายมาอ้าง ก็แอบหมั่นไส้ว่า ถ้าคนที่ตายไม่ใช่พวกเดียวกัน จะโวยวายอะไรขนาดนี้มั้ย ตัวเองก็กำลังเอาความตายของเค้ามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองน่ะแหละ อย่ามาอ้างอะไรให้มากเสียนักเลย
- ตรรกะหนังสติ๊ก ที่ใช้เป็นการประกอบเพิ่มความรู้สึกว่าฝ่ายเสื้อแดงคือฝ่ายไร้กำลังไม่มีทางสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยายามอ้างจากภาพสื่อที่ออกมา ประการแรกเลยคือ การที่มีภาพของหนังสติ๊ก มันไม่ได้แปลว่ามันมีหนังสติ๊กอย่างเดียว เช่นเดียวกับปริมาณภาพจากฝ่ายต่างๆ ที่พยายามเอามาถกเถียงกันว่าใครทำอะไรใครก่อนด้วยความรุนแรงเท่าไหร่ เพราะผมเองก็เป็นคนที่คลุกคลีกับการทำงานกับสื่อ (หมายถึง media ที่แปลว่า medium ไม่ใช่หมายถึง press) ทำให้ผมรู้ว่าภาพนั้นปรุงแต่งได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขให้ถือว่าเป็นการโกหก ไม่ว่าจะจากการตกแต่งสี การตัดกรอบ (crop) การเลือกถ่าย เลือกนำเสนอ เป็นต้น และข้อมูลด้านปริมาณก็ตอบได้ยาก แม้ว่าอาจจะเป็นผลทางสถิติ แต่ว่าก็ไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ว่าเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถืออยู่ดี ดังนั้นการเชื่ออะไรจากแค่ภาพถ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ผมจึงไม่คิดว่าเหมาะที่จะนำมาพิจารณา
- ไม่เอาคนเผาเมือง เหมือนกันคือ การจะตัดสินว่าอีกฝ่ายไม่ดี จากการเกิดเพลิงไหม้ที่ยังไม่ทราบผู้กระทำแน่ชัด ก็ดูจะตื้นเขินเกินไป
- เรื่องโกงๆ เพราะยังไงการเมืองมันคือการเข้าไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอยู่แล้ว (เพียงแต่ในกระบวนการของการทำเพื่อตัวเอง เราจะทำเพื่อคนอื่นจนคนอื่นเค้ายอมรับและโอเคให้เราได้ประโยชน์หรือเปล่านั้นมันอีกเรื่อง) มันเลยน่ารำคาญเวลาจะอ้างกันเรื่องโกง เพราะจะรัฐบาลไหนมันก็โกงทั้งนั้นแหละ
- หุ่นเชิด จะอภิสิทธิ์หรือยิ่งลักษณ์ก็เถอะ ผมคิดว่ามันไม่แปลกและไม่ผิดที่จะมีคนที่มาเป็นเบื้องหน้าเพื่อทำอะไรแทนใคร คนหน้าตาดีมีสง่าราศีพูดเก่ง เป็นฝ่ายไหนก็ต้องอยากเอามาเป็นเบื้องหน้าทั้งนั้นแหละครับ เพราะยังไงโลกนี้ก็ยังมีคนตัดสินคนที่หน้าตาอยู่ อย่างผมพูดตรงๆ เลยครับว่าอยากเห็นหน้าอภิสิทธิ์บนจอทีวีมากกว่าหน้าทักษิณ เพราะมันงามตากว่า
จริงๆ บล็อกนี้ก็ล่อเป้าอยู่พอสมควร แทนที่จะมัวแต่เม้าท์อดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ เอาเป็นว่า ผมไปทำอะไรๆ ในเรื่องการศึกษาของผมต่อดีกว่าครับ
อ่านประโยคสุดท้ายแล้วเห็นด้วยครับ
แต่ดูจาก word cloud ด้านขวาแล้ว “Politics” ใหญ่เป็นอันดับสาม ใหญ่กว่า “education” เสียอีก… อาห์
แหม ช่วงนี้มันเยอะ อีกอย่างถ้ามีเรื่องการศึกษาส่วนใหญ่ก็ไปเขียน Cubic Blog
/me หันไปมองบล็อกตัวเอง…
ทำไม cloud มันกระจัดกระจายขนาดนั้นฟระ
ป.ล. บล็อก MobileMe เข้าไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าตั้งใจหรือเปล่า/รู้หรือยัง
ข้อ 1. แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในลิเบียหรือจีน(จตุรัสเทียนอันเหมิน)ล่ะคะ เหตุผลที่ว่า ไม่คิดว่ามีรัฐบาลไหนโง่พอ หนูว่ามันไม่ค่อยมีน้ำหนักอะค่ะ รัฐบาลอาจจะบ้าอำนาจ หรือรัฐบาลอาจถูกบังคับมาโดยคนที่บ้าอำนาจมากกว่าที่ขัดขืนไม่ได้ ไม่ทำก็ซวยยกก๊วนแน่ๆ อาจจะทำก็ได้นะคะ (หนูไม่ตัด Possibility ออก) แล้วนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรก
พฤษภาทมิฬ
6 ตุลา
โอเค 6 ตุลารัฐบาลไม่ได้ออกมาสนับสนุนอย่างเปิดเผย แต่ไม่มีการห้าม ปล่อยให้มีการปลุกปั่นใส่ร้ายนักศักษาอยู่นาน พอเกิดเหตุกาณ์massacre นี่ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ใยดี
เห็นด้วยกับ การที่จะยกความผิดให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยปริยายมันจึงเป็นความคิดที่ตื้นเขินเกินไปสักหน่อย แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องไม่คิดว่ารัฐบาลไหนจะโง่พอนี่แหละค่ะ
ข้อ 2. สื่อต่างประเทศทุกๆสื่อพร้อมใจกัน เลือกรูป crop รูปที่มีแต่เสื้อแดงที่ไม่มีอาวุธร้ายแรง ขนาดนั้นเลยหรอคะ
ข้อ 5. เริ่มเข้าใจว่าทำไมจตุพรโดนเกลียดเยอะแล้วล่ะค่ะ จริงๆแล้วคนที่เกลียดเค้าเคยฟังแล้วคิดตามสิ่งที่เค้าพูดจริงๆมั้ยน้า หรือลุคดูไม่ไฮโซ ก็ไม่ฟังแล้ว (หนูก็ไม่เคยฟังเค้าพูดหรอกนะคะ จริงๆ เออเนอะยังไม่เคยฟังเลยแฮะ(พึ่งตระหนักได้) แต่ไม่ได้เกลียดอะไรเค้า)
แล้วแหมล่อเป้าก็ล่อเป้าไม่เห็นเป็นไรเลย การเมืองก็การเมือง มิตรภาพก็มิตรภาพ เนอะ ยังรักพี่นัทเหมือนเดิมนะคะ 😀
อยากเมนท์นานแล้ว ลืมทุกที จริงๆหนูสนับสนุนอภิสิทธิ์และพรรคปชปมาตลอดจนถึงวันที่ 10 เม.ย. นะคะ เหตุการณ์คนเสื้อแดงถูกฆ่าตายสะเทือนใจหนูมาก ทั้งๆที่ตอนนั้นหนูไม่ชอบคนเสื้อแดงมาตลอด จริงๆก็ไม่เคยฟังไม่เคยหาข้อมูลเรื่องนโยบายหรือจุดประสงค์ของเค้าหรอกค่ะ หนูแค่คิดว่าเสื้อแดงก็แค่พวกที่ถูกทักษิณหลอกมา รู้ไม่ทัน โง่ ตั้งแต่10 เม.ย. หนูเริ่มสงสัยในตัวรัฐบาลและเบื้องหลัง แล้วก็เลยเริ่มหาข่าวต่างประเทศที่ลงเกี่ยวกับเรื่องนี้(เยอะมาก ช่วงนั้น) ก็ตามอ่าน ดูทีวี(ของที่นี่) อ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนใหญ่ก็ของตปทแหละค่ะ แล้วก็เลยเริ่มอ่านหนังสือหลายๆเล่ม การเมืองไทยมันเหมือนฉายหนังเรื่องเดิมๆซ้ำๆ massacre แล้ว massacre เล่า
เล่ามายาว แค่อยากจะบอกว่า หนูคนนึงล่ะค่ะที่โวยวายเรื่องเสื้อแดงถูกฆ่า ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเป็นเวลาหลายปี หนูไม่ชอบเสื้อแดงและดูถูกเสื้อแดงมาตลอด หนูหลงในความเป็นคนกรุงเทพของตัวเอง ดูถูกวิจารณญาณของคนเสือแดงเพราะว่าส่วนใหญ่เป็นคนรากหญ้า หลงว่าตัวเองรู้ทันทักษิณเท่ากับรู้ทันทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่เรื่องทักษิณมันแค่ chapter แรก จริงๆแล้วก็เพราะความหลงคิดไปว่าตัวเองดีกว่าเค้า ทำให้หนูไม่เคยฟังเหตุผลเค้าเลย รู้สึกไม่ชอบจตุพร ณัฐวุฒิ มากๆ ทั้งๆที่ไม่เคยฟังอุดมกาณ์หรือเหตุผลของพวกเค้าเลยด้วยซ้ำ (จริงๆตอนนี้ จตุพร ก็ยังไม่เคยฟัง พึ่งมาเริ่มฟังณัฐวุฒิ แล้วชอบมาก)
หนูคนนึงที่ตอนนี้อยากเล่นการเมือง แต่ไม่ได้นึกถึงผลประโยชน์เลยจริงๆ แค่อยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยจริงๆซักที หนูเชื่อในปชต.นะคะ หนูว่าที่ฝรั่งเศสมันเวิร์กดี คนทุกคนเท่ากัน ความเหลื่อมล้ำน้อยมาก ได้รับสวัสดิการทั่วถึง ไม่ค่อยมีคนรวย ทั้งประเทศส่วนใหญ่มีแต่คนชั้นกลาง ที่ไม่ฟุ่มเฟือยหรูหรา ไม่มีใครบ้าของแบรนด์เนม เพราะรู้สึกว่ามันไร้สาระ (มีเอาไว้ดูดเงินคนเอเซีย ฮ่าๆๆ) รถก็เก่าๆเล็กกันส่วนใหญ่
ออกทะเลไปแล้ว จบดีกว่าค่ะ