เพิ่งเสร็จสิ้นไปกับค่าย Cubic Creative Camp 7 (ที่จริงๆ แล้วเป็นการต่อจาก CCFC2 แต่ครั้งนี้ตัดสินใจรีแบรนด์ และนับเลขใหม่โดยรวม KUSFC1 – KUSFC4 เข้าไปด้วย) ความรู้สึกอย่างหนึ่งของผมในช่วงเวลาที่ผ่านมากับ CCC7 คือความรู้สึกที่ว่า มันช่างเหมือนกลับไปทำ KUSFC1 อีกครั้ง
ความรู้สึกที่ว่านี้ คงมีในสองประเด็น
ประเด็นแรก คือการที่เรามีเรื่องที่เราอยากจะทำ แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามันจะเป็นอย่างไรแน่ๆ เต็มไปหมด จนแทบจะเหมือนได้ว่าเป็นการจัดค่ายครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเคสไฟล์ งานไอที จนกิจกรรม World Civilization 4 จนหลายๆ ครั้งก็รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ในหลายๆ เรื่อง และยอมตัดงานบางอย่างอย่างวีดีโอสรุปรายวันออกไป จนงานที่ออกมาก็ถือว่าค่อนข้างราบรื่น และได้เรียนรู้ประเด็นหลายๆ อย่างที่น่านำไปต่อยอดในอนาคตได้พอสมควร
ส่วนในประเด็นที่สอง คงไม่พ้นความเหนื่อยที่ต้องเจอ จากการที่ต้องเป็นคนทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ เองเสียหลายอย่าง
หากนึกย้อนไปถึง KUSFC1 จะมีงานเล็กๆ ยิบย่อยอยู่หลายอย่างที่ผมต้องเป็นคนลงไปทำเองตั้งแต่เรื่องการประเมินการเงิน ทะเบียน ไปจนถึงป้ายชื่อ เนื่องจากในสมัยนั้นเราอาจจะยังไม่ได้แน่ชัดมากนักว่างานอะไรควรจะอยู่ในขอบเขตของฝ่ายไหน รวมถึงหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ผมจะทำงานเหล่านั้นได้เร็วกว่าคนทั่วไปสักเล็กน้อย
พอมาครั้งนี้ ก็มีงานลักษณะเหล่านั้นก็ย้อนกลับมาให้เราต้องเป็นคนทำอยู่อีกพอสมควร เหตุเนื่องจากคนอื่นๆ ไม่ได้มีเวลาว่างเท่าเรา เพียงแต่ขอบเขตของงานงั้นกว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะค่าย CCC7 คือค่ายที่มีวิวัฒนาการจนมีงานอื่นๆ ที่สมัย KUSFC1 ยังไม่มีอย่างการตัดต่อวีดีโอ, คุมเสียง, อัปรูปขึ้น Facebook หรือแม้กระทั่งงานยิบๆ ย่อยๆ อย่างการพิมพ์สูจิบัตร
แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกมีปัญหาอะไรสักเท่าไหร่นะครับ เพราะว่ากันด้วยหน้าที่แล้ว คนเป็นประธานก็เป็นคนที่จะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบอุดรูรั่วต่างๆ ทั้งหมดอยู่แล้ว และด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างที่เราได้พบเจอ ก็คงยากที่จะโทษใครถึงรูรั่วเหล่านี้
จะอย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ผมรู้สึกพอใจและประทับใจกับค่าย CCC7 เป็นพิเศษ จนอาจจะพูดได้ว่าเทียบเคียงกับ KUSFC1 เสียด้วยซ้ำ เพราะด้วยความบีบคั้นหลายๆ อย่าง มันทำให้เป็นค่ายที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณอย่างบอกไม่ถูก
สุดท้ายนี้คงต้องขอบคุณทุกๆ จิตวิญญาณที่ทำให้เวทย์มนตร์ของคิวบิกฯ ยังทรงพลัง