จากความเดิมที่แลกไมล์สุดคุ้มเส้นทาง SYD-BKK-NRT มา ก็ได้ฤกษ์ใช้บริการสักทีในเที่ยวบิน TG676 เส้นทางกรุงเทพฯ ไปโตเกียวนาริตะ ในเช้าวันที่ 4 ธันวาคม ก่อนช่วงหยุดยาว
เพื่อเป็นที่ระลึก เลยจะขอลงไว้ย่อๆ แต่คิดว่าคงไม่ใช่รีวิวอะไรเพราะคงมีคนรีวิวไว้เยอะแล้ว มาเริ่มเลยแล้วกัน
เริ่มต้นมาทริปนี้เราก็มาแบบโลโซหน่อยๆ แบกเป้เที่ยว เรียกแท็กซี่มาจอดที่ประตู 1 แน่นอนว่าด้วยสภาพที่มาไม่มีราศีใดๆ เหล่า porter พนักงานยกกระเป๋าเลยไม่มีใครสนใจเรา แต่ก็ไม่เป็นไร เดินตรงไปจุดเช็คอินของ Royal First
พอไปถึงเจ้าหน้าที่เช็คอินก็ให้เรานั่งรอสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะมาบอกว่าระบบเช็คอินมีปัญหานิดหน่อย รบกวนให้เรารอสักพักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เอาบอร์ดดิงพาสกับพาสปอร์ตมาให้
ถึงตรงนี้เจ้าหน้าที่ก็ไปตามคนยกกระเป๋ามาช่วยยกกระเป๋าเราไปผ่านจุดความปลอดภัยต่างๆ จนเดินลงมาข้างล่างและส่งต่อให้กับคนขับรถกอล์ฟพาเราไปที่เลาจ์
พอมาถึงเลานจ์เนื่องจากคนยังไม่เยอะ ก็ดลยได้โซนที่นั่งส่วนตัว เจ้าหน้าที่ที่เลานจ์ก็เอาเมนูอาหารเช้ามาให้เลือก ก็เลือกเกี๊ยวน้ำ กับชานมไม่หวาน (ที่สุดท้ายมาหวาน) ไป
และแน่นอนว่าเพื่อเอาให้คุ้ม เราก็ต้องใช้บริการนวดของ Royal Orchid Spa ด้วย โดยสำหรับ Royal First จะได้สิทธิ์นวด 1 ชั่วโมง โดยจะเลือกเป็นนวดตัวเลยก็ได้ แต่เนื่องจากขี้เกียจแต่งตัว เลยเลือกเป็นนวดเท้ากับนวดคอบ่าไหล่อย่างละ 30 นาทีแทน
จนพอถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก็มีเจ้าหน้าที่มาตามเราและพาไปขึ้นรถกอล์ฟเพื่อไปยังประตูขึ้นเครื่อง
ปรากฎว่าพอมาถึงก็มีผู้โดยสารคนอื่นๆ อยู่พอสมควรแล้ว เลยเกรงใจไม่กล้าถ่ายรูปมาก ขออนุญาตขโมยรูปจากที่อื่นมา (ภาพจาก The Points Guy)
ที่นั่งก็เป็นแบบห้องแยกไม่มีประตูปิด แต่ก็จัดในลักษณะที่มองไม่เห็นกันเองเลยเพราะฉะนั้นก็ยังรู้สึกเป็นส่วนตัวมากอยู่ ที่นั่งก็กว้างขวางตามประสา มีหมอนสองใบ ผ้านวมหนาๆ นั่งสบายอยู่
หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนตามปกติ มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มที่จะเลือกแชมเปญก็ได้ แต่เราไม่กินเหล้าเลยขอน้ำเปล่าแทน และก่อนเครื่องขึ้นลูกเรือก็มาคอนเฟิร์มอาหารที่เราเลือกไว้ และเอาเมนูมาให้เผื่อต้องการอะไรเพิ่ม และให้เลือกเครื่องดื่มที่อยากทานพร้อมกับข้าว
จนเครื่องขึ้น ลูกเรือก็เอาบัตร Wi-Fi มาให้ โดยได้ฟรี 20MB ถ้าอยากใช้มากกว่านี้ก็จ่ายเพิ่ม แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มเสิร์ฟอาหารเช้า โดยเริ่มจากผลไม้ ถัดมาด้วยปาท่องโก๋ มื้อหลักที่จองไว้เป็นล็อบสเตอร์ และปิดด้วยขนมไทย (ที่ลืมถ่ายรูป)
หลังจากทานข้าวเสร็จ ลูกเรือก็เข้ามาคอนเฟิร์มว่าเราต้องการจะทานมื้อกลางวันก่อนเครื่องลงด้วยไหม โดยถ้าทานก็จะขออนุญาตปลุกถ้าหลับอยู่ พร้อมกับคอนเฟิร์มล่วงหน้าว่าเราต้องการอะไร
หลังจากนั้นก็ฆ่าเวลาไปยาวๆ โดยการดูหนังและแชทเป็นครั้งคราวแบบกลัวเน็ตหมด ตัวเลือกหนังในเครื่องการบินไทยยังรู้สึกไม่เยอะเท่าเจ้าอื่นๆ เท่าไหร่ แต่ก็พอไปวัดไปวาได้ กับสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษของการบินไทยคือไม่มีโฆษณา (บางสายการบินดูซิทคอม 20 นาทีมีโฆษณาไปเกือบ นาทีแล้ว)
จนเหลือประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก่อนเครื่องลง ลูกเรือก็มาเสิร์ฟมื้อกลางวันให้โดยที่เลือกไว้เป็นลาซานย่า
ตอนก่อนเครื่องลงลูกเรือก็มาขอบคุณผู้โดยสารแต่ละคนไล่ไปเรื่อยๆ ตามปกติ ก่อนที่จะลดจอดและเข้าสนามบินไปตามปกติ